Zero to One: ไม่มีใครสร้างจักรวรรดิด้วยการทำตามคู่มือของคนอื่น -- เขียนโดย Peter Thiel

Zero to One: ไม่มีใครสร้างจักรวรรดิด้วยการทำตามคู่มือของคนอื่น -- เขียนโดย Peter Thiel
.
โลกไม่ได้ถูกเปลี่ยนแปลงด้วยคนที่คิดว่า "ก็มันต้องเป็นแบบนี้แหละ" แต่ด้วยคนที่กล้าถามว่า "ทำไมมันต้องเป็นแบบนี้ด้วย?"
.
เมื่อ Steve Jobs บอกว่าจะใส่คอมพิวเตอร์ไว้ในกระเป๋า คนหัวเราะใส่เขา
เมื่อ Elon Musk บอกว่าจะนำจรวดใช้แล้วกลับมาใช้ซ้ำ โลกคิดว่าเขาบ้า
เมื่อ Mark Zuckerberg บอกว่าจะเชื่อมโลกทั้งใบเข้าด้วยกัน ทุกคนส่ายหัว
.
แต่ Peter Thiel รู้ความจริงอย่างหนึ่ง: บางทีคนที่เราเรียกว่า "บ้า" อาจเป็นคนที่เห็นความจริงที่เราปฏิเสธที่จะมอง
.
และวันนี้แอดจะพาทุกคนไปนั่งฟังการบรรยายสุดพิเศษที่ Stanford เมื่อ Peter Thiel มหาเศรษฐีผู้ร่วมก่อตั้ง PayPal มาสอนนักศึกษาเรื่อง "Zero to One"
.
.
Zero to One จะสอนให้คุณรู้ว่า
.
1. "ช่องว่างระหว่าง 0 ถึง 1 กว้างกว่าระยะทางจาก 1 ถึง 1,000"

2. "คนที่ก็อปปี้ความสำเร็จจะได้แค่เศษเสี้ยวของต้นแบบ คนที่สร้างสิ่งใหม่จะได้ทั้งจักรวาล"

3. "โลกไม่ได้ต้องการอีกหนึ่ง Facebook แต่ต้องการสิ่งที่ Facebook ยังทำไม่ได้"

4. "การทำตามคนอื่นคือการยอมรับว่าคุณจะไม่มีวันเป็นที่หนึ่ง"

5. "นวัตกรรมที่แท้จริงไม่ได้เกิดจากการต่อยอด แต่เกิดจากการกล้าเริ่มใหม่"
.
.
--------------------------------
.
ห้องบรรยายที่ Stanford เงียบกริบเมื่อ Peter Thiel เดินเข้ามาพร้อมแก้วกาแฟดำในมือ เขาจิบกาแฟช้าๆ มองไปรอบห้อง สายตาของเขาดูลึกลับราวกับเก็บความลับบางอย่างไว้ ก่อนจะพูดประโยคแรกที่ทำเอาทุกคนในห้องตะลึง:
.
"วันนี้ผมจะเล่าให้ฟังว่าทำไมพวกคุณถึงควรเลิกเรียนได้แล้ว"
.
คณบดีที่นั่งอยู่มุมห้องถึงกับสำลักกาแฟ นักศึกษาหลายคนเริ่มเก็บของใส่กระเป๋า
.
"เอาล่ะ ผมล้อเล่น" Thiel ยิ้มมุมปาก "ที่จริงคุณควรเรียนต่อ... จนกว่าจะมีไอเดียที่จะเปลี่ยนโลก หรือจนกว่าจะตระหนักว่าการเรียนแค่เพื่อได้เกรดเอคือการเสียเวลาชีวิตที่แท้จริง"
.
.
----------------------------
.
[ อนาคตที่หายไป -- บทเรียนจาก The Jetsons และความฝันที่ไม่เป็นจริง ]
.
.
Thiel หยิบการ์ตูนเก่าเล่มหนึ่งขึ้นมา ปกมันซีดจางตามกาลเวลา แต่ภาพวาดของรถบินและหุ่นยนต์ยังคงชัดเจน
.
"The Jetsons ปี 1962..." เขาชูการ์ตูนให้ทุกคนเห็น "พวกเขาทำนายว่าปี 2062 เราจะมีรถบิน บ้านลอยฟ้า หุ่นยนต์ทำงานบ้าน... พวกเขาวาดภาพอนาคตที่เต็มไปด้วยนวัตกรรมที่จะเปลี่ยนชีวิตมนุษย์"
.
"แต่ 60 ปีผ่านไป เรามีอะไรบ้าง?" เขาถามพลางกวาดตามองไปรอบห้อง
.
"มีแต่แอพเรียกรถที่บอกว่าคนขับมาแล้ว... แต่ไม่มาสักที!" นักศึกษาคนหนึ่งตะโกน
.
"แล้วก็แอพสั่งอาหารที่บอกว่า 'อีก 5 นาทีถึง' ตั้งแต่เมื่อชั่วโมงที่แล้วครับ!" อีกคนเสริม
.
"อย่างน้อยก็มี AI ช่วยเขียนการบ้านนะคะ!" เสียงสาวแถวหน้าดังขึ้น
.
"แล้วอาจารย์ก็มี AI ตรวจจับว่าใครใช้ AI..." อีกคนกระซิบ
.
Thiel พยักหน้า "นั่นแหละครับ แทนที่จะได้รถบิน เราได้แอพดูคลิปแมว... แทนที่จะได้หุ่นยนต์ทำงานบ้าน เราได้หุ่นดูดฝุ่นที่ชนขาโต๊ะทุก 5 นาที และดูเหมือนมันจะชอบไล่ล่าแมวมากกว่าไล่ล่าฝุ่นเสียอีก"
.
"แต่อาจารย์คะ" นักศึกษาสาวยกมือ "อย่างน้อยเราก็มี ChatGPT แล้วนะคะ"
.
"ใช่" Thiel ตอบ "แต่เรายังต้องพิมพ์คำถามเอง... The Jetsons ทำนายว่าเราจะคุยกับคอมพิวเตอร์ได้ แต่ไม่มีใครทำนายว่าเราจะต้องมานั่งแก้ prompt ให้ได้คำตอบที่ต้องการ"
.
.
-----------------------------------
.
[ การแข่งขันคือยาพิษ ]
.
.
"ผมขอเชิญเพื่อนเก่ามาเล่าประสบการณ์หน่อย..." Thiel หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
.
Elon Musk ปรากฏบนจอ ในมือถือจรวดจำลอง SpaceX ที่มีสติกเกอร์ "Mars or Bust" ติดอยู่
.
"เล่าให้พวกเขาฟังหน่อยสิ Elon ว่าทำไมเราถึงรวม X ดอทคอม กับ PayPal"
.
"เรื่องมันเริ่มจาก..." Musk เล่นกับจรวดในมือ "ตอนนั้นเราเป็นคู่แข่งกัน X ดอทคอม กับ PayPal กำลังรบกันเดือด เผาเงินวันละล้านเพื่อแย่งลูกค้า..."
.
.
"แล้วจู่ๆ วันหนึ่ง..." Thiel เสริม "Elon ก็โทรมาชวนกินพิซซ่า"
.
"ใช่" Musk หัวเราะ "เรานั่งกินพิซซ่าด้วยกัน แล้วก็เห็นว่าเรากำลังทำอะไรโง่ๆ อยู่... แทนที่จะรบกันเอง เราน่าจะร่วมมือกันสู้กับระบบการเงินเก่าๆ ดีกว่า"
.
"แล้วรู้ไหมอะไรเกิดขึ้น?" Thiel ถามห้อง "PayPal กลายเป็นระบบชำระเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก... และ Elon ก็เอาเงินไปสร้างจรวดที่กลับมาลงจอดได้"
.
"จรวดที่ NASA บอกว่าเป็นไปไม่ได้!" Musk ชูจรวดจำลองขึ้น "เหมือนที่ธนาคารบอกว่า PayPal เป็นไปไม่ได้... แต่รู้อะไรไหม? สิ่งที่เป็นไปไม่ได้วันนี้ อาจเป็นเรื่องธรรมดาในวันพรุ่งนี้"
.
.
ข้อคิดจาก Competition
.
1. "การแข่งขันคือยาเสพติดของผู้แพ้ การสร้างสรรค์คือยาขยายสมองของผู้ชนะ"

2. "เมื่อคุณแข่งในเกมของคนอื่น คุณแพ้ตั้งแต่ก้าวแรก"

3. "สงครามเริ่มจากเรื่องไร้สาระ และดำเนินต่อไปโดยไร้เหตุผล"

4. "อย่าพยายามเป็นเวอร์ชั่นที่ดีกว่าของคู่แข่ง จงเป็นเวอร์ชั่นที่ดีที่สุดของตัวเอง"

5. "การแข่งขันทำให้คุณมองคู่แข่ง การสร้างสรรค์ทำให้คุณมองอนาคต"
.
.
---------------------------------
.
[ Monopoly ]
.
.
"เอาล่ะ" Thiel หยิบกระดานเกม Monopoly ขึ้นมา "มีใครเคยเล่นเกมนี้จนจบไหม?"
.
"ผมเคยครับ" นักศึกษาคนหนึ่งยกมือ "แล้วก็โดนแฟนบล็อกใน Instagram เลย... แถมเธอยังโพสต์รูปเล่น Monopoly กับแฟนใหม่ด้วย"
.
"อย่างน้อยคุณก็ได้เรียนรู้บทเรียนสำคัญ" Thiel ตอบ "ในเกม Monopoly และในความรัก... บางทีการเสียทุกอย่างก็ดีกว่าการติดอยู่กับสิ่งที่ไม่ใช่"
.
เสียงหัวเราะปนเห็นใจดังขึ้นทั่วห้อง
.
"แต่กลับมาที่ธุรกิจ" Thiel พูดต่อ "ในตำราเศรษฐศาสตร์ Monopoly คือผู้ร้าย... แต่ในโลกธุรกิจจริง Monopoly ที่ดีคือฮีโร่"
.
"Google ไม่ได้บังคับให้คุณใช้ search engine ของเขา... แต่ลองถามตัวเองดู ครั้งสุดท้ายที่คุณใช้ Bing คือเมื่อไหร่?"
.
"ตอน IT บังคับให้ใช้ครับ!" เสียงตะโกนดังมาจากแถวหลัง
.
"แล้วคุณทำไง?" Thiel ถามทั้งที่รู้คำตอบ
.
"ก็... เปิด Chrome แล้วเข้า Google หาวิธีเปลี่ยน default search engine ครับ"
.
.
ข้อคิดจาก Monopoly
.
1. "ตลาดที่แข่งขันสูงคือสุสานของกำไร ตลาดที่คุณผูกขาดคือสวนสวรรค์ของนวัตกรรม"

2. "Monopoly ที่ยิ่งใหญ่ไม่ได้เกิดจากการฆ่าคู่แข่ง แต่เกิดจากการสร้างสิ่งที่คู่แข่งคิดไม่ถึง"

3. "เมื่อคุณเป็น Monopoly คุณมีอิสระที่จะฝัน เมื่อคุณแข่งขัน คุณมีแต่ต้องวิ่งตาม"

4. "การแข่งขันคือเกมที่มีแต่คนแพ้ การสร้าง Monopoly คือเกมที่คุณกำหนดกติกาเอง"

5. "อย่ากลัวการเป็น Monopoly กลัวการเป็นแค่หนึ่งในร้อยจะดีกว่า"
.
.
-----------------------------
.
[ The 7 Questions – เช็คลิสต์สร้างธุรกิจพันล้าน ]
.
.
"ก่อนจะสร้างธุรกิจ" Thiel เขียนบนกระดาน "คุณต้องตอบ 7 คำถามนี้ให้ได้"
.
"คำถามแรก: Engineering - คุณมีเทคโนโลยีที่ดีกว่าคนอื่น 10 เท่าไหม?"
.
"แบบ TikTok ที่ทำให้ดูคลิปจนลืมทำการบ้านใช่ไหมครับ?" นักศึกษาคนหนึ่งแซว
.
"นั่นแหละ" Thiel หัวเราะ "แต่ต้องดีกว่านะ ไม่ใช่แค่เสพติดกว่า... เหมือน Tesla ที่ทำรถไฟฟ้าจนคนลืมว่าเคยคิดว่ารถไฟฟ้าน่าเบื่อ"
.
"คำถามที่สอง: Timing - นี่เป็นเวลาที่เหมาะสมไหม?"
.
"อาจารย์ครับ แล้วเราจะรู้ได้ไงว่าเวลาไหนใช่?" นักศึกษาถาม
.
"ง่ายๆ เลย" Thiel ตอบ "ถ้าคุณต้องอธิบายไอเดียให้คุณยายฟังเกิน 5 นาที แสดงว่ายังไม่ใช่เวลา... หรือถ้าคุณยายถามว่า 'แล้วมันต่างจาก MySpace ยังไง?' แสดงว่าคุณช้าไป 15 ปีแล้ว"
.
"คำถามที่สาม: Monopoly - คุณเริ่มจากตลาดเล็กๆ ที่ครองได้ไหม?"
.
"Facebook ไม่ได้เริ่มจากการพยายามเชื่อมโลกทั้งใบ... แต่เริ่มจากการเชื่อมนักศึกษา Harvard ที่อยากรู้ว่าสาวคนนั้นในวิชาเคมีโสดหรือเปล่า"
.
"แล้ว Tinder ล่ะครับ?" มีเสียงถามขึ้น
.
"นั่นก็เริ่มจากความต้องการพื้นฐานของมนุษย์เหมือนกัน..." Thiel ยิ้มมุมปาก "แต่เราข้ามเรื่องนี้ไปดีกว่า"
.
"คำถามที่สี่: People - คุณมีทีมที่ใช่ไหม?"
.
"นี่สำคัญมาก" Thiel เน้นเสียง "ผมขอเชิญผู้เชี่ยวชาญมาคุยเรื่องนี้... Mark!"
.
Mark Zuckerberg ปรากฏบนจอในชุดเสื้อยืดเทาประจำตัว ดูเหมือนเพิ่งตื่นนอน
.
"Mark ช่วยเล่าให้พวกเขาฟังหน่อย ทำไมถึงไม่จ้างที่ปรึกษาจาก McKinsey มาช่วยตอนเริ่ม Facebook?"
.
"เพราะพวกเขาคงแนะนำให้ผมใส่สูท" Mark ตอบหน้าตาย "แล้วถ้าผมใส่สูท ผมก็จะดูเหมือนนักการเมืองที่กำลังแก้ตัวหลังโดนแฮกข้อมูล... ซึ่งก็คือสิ่งที่ผมพยายามหลีกเลี่ยงมาตลอด 20 ปี"
.
"จริงๆ คือ" Mark เสริม พยายามทำหน้าจริงจัง "ผมต้องการคนที่เชื่อในฝันเดียวกัน ไม่ใช่คนที่มาทำงานเพราะเงินเดือนสูง... เหมือนที่ Steve Jobs บอกว่า 'อยากขายน้ำตาลน้ำสีดำใส่คนทั้งชีวิต หรืออยากเปลี่ยนโลก?'"
.
"แล้วตอนนี้คุณทำอะไรอยู่ล่ะ Mark?" นักศึกษาคนหนึ่งถาม
.
"ผมกำลังพยายามขายแว่น VR ให้คนทั้งโลกใส่... เพื่อที่พวกเขาจะได้เห็นโฆษณาในโลกเสมือนจริงแทนโลกจริง" Mark ตอบตรงๆ
.
"นั่นไง!" Thiel แทรก "นี่แหละที่ผมหมายถึง... คุณต้องการคนที่กล้าพูดความจริง แม้ว่ามันจะฟังดูเหมือนวิลเลี่ยม เชคสเปียร์เขียนบทตลก"
.
"คำถามที่ห้า: Distribution - คุณมีวิธีขายที่เหนือกว่าไหม?"
.
"แต่อาจารย์ครับ" นักศึกษาแว่นหนายกมือ "ถ้าผลิตภัณฑ์ดี มันก็ขายตัวเองไม่ใช่เหรอ?"
.
Thiel ถอนหายใจ "นั่นเป็นความเชื่อที่อันตรายที่สุด... เหมือนคิดว่าถ้าหน้าตาดี ก็ไม่ต้องอาบน้ำ หรือถ้าเรียนเก่ง ก็ไม่ต้องทำ resume"
.
"แต่ผมว่า Tesla ขายได้เพราะรถดีนะครับ" นักศึกษาอีกคนแย้ง
.
"จริงเหรอ?" Thiel ยิ้ม "แล้วคุณคิดว่าถ้า Elon ไม่ทวีตเรื่องรถทุกวัน ไม่ส่งรถไปลอยอวกาศ ไม่ท้าชนรถถังในไซเบอร์ทรัค... Tesla จะขายได้เท่านี้เหรอ?"
.
"คำถามที่หก: Durability - ธุรกิจคุณจะยังแข็งแกร่งใน 10 ปีไหม?"
.
"เหมือน Nokia ไงครับ" นักศึกษาคนหนึ่งตะโกน "วันนึงก็แข็งแกร่ง อีกวันก็กลายเป็นตำนาน... เหมือนความรักสมัย ม.ปลาย"
.
"ใช่" Thiel พยักหน้า "Nokia คิดว่าตำแหน่งผู้นำของเขาจะอยู่ตลอดไป... จนกระทั่ง Steve Jobs ขึ้นมาพูดบนเวที"
.
"และคำถามสุดท้าย: Secret - คุณรู้อะไรที่คนอื่นไม่รู้?"
.
"รู้ว่าอะไรอยู่ในกล่องดำของเครื่องบินได้ไหมครับ?" เสียงหนึ่งถามขึ้น
.
"นั่นไม่ใช่ความลับ" Thiel ส่ายหน้า "นั่นเป็นปริศนา... ความลับคือสิ่งที่คุณรู้ว่าจริง แต่คนส่วนใหญ่ยังไม่เชื่อ"
.
"เหมือนตอน Google เริ่มต้น ทุกคนคิดว่า Search Engine มีพอแล้ว... แต่ Larry Page รู้ว่า search ที่ดีจริงๆ ยังไม่มี"
.
"หรือตอน Apple ทำ iPad ทุกคนบอกว่าใครจะซื้อแท็บเล็ตที่ทำอะไรไม่ได้เท่าโน้ตบุ๊ก... แต่ Steve Jobs รู้ว่าคนต้องการอุปกรณ์ที่ง่ายพอที่แม่จะใช้ดู Facebook ได้"
.
.
ข้อคิดจาก The 7 Questions
.
1. "คำถามที่ถูกต้องสำคัญกว่าคำตอบที่สมบูรณ์ เพราะคำถามนำทางสู่อนาคต แต่คำตอบติดอยู่กับปัจจุบัน"

2. "ธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ไม่ได้เกิดจากการตอบถูกทุกข้อ แต่เกิดจากการถามคำถามที่ใช่ในเวลาที่เหมาะสม"

3. "ถ้าคุณตอบ 7 คำถามนี้ได้ คุณมีโอกาสสร้างธุรกิจพันล้าน แต่ถ้าคุณไม่กล้าถามตัวเองเลย คุณจะติดอยู่กับธุรกิจพันทุกข์"

4. "จงถามตัวเองก่อนโลกถาม เพราะตลาดไม่ให้โอกาสคุณแก้ตัว และคู่แข่งไม่ให้เวลาคุณคิดใหม่"

5. "เจ็ดคำถามนี้ไม่ได้การันตีความสำเร็จ แต่การันตีว่าคุณจะไม่ล้มเหลวเพราะความประมาท"
.
.
-----------------------------
.
[ Last Mover Advantage – ทำไมคนมาทีหลังถึงชนะ ]
.
.
"มีใครรู้จัก Friendster ไหม?" Thiel ถาม ห้องเงียบกริบ
.
"MySpace?" สองสามมือยกขึ้น
.
"Facebook?" ทุกคนในห้องยกมือ
.
"Metaverse?" มีเสียงแซว "อันนั้นไม่แน่ใจว่าจะรอดนะครับ"
.
Mark Zuckerberg ที่ยังอยู่ในสายทำหน้าเครียด
.
"อย่าพูดถึง Metaverse เลย" Thiel หัวเราะ "Mark กำลังจะร้องไห้อยู่แล้ว... แต่ประเด็นคือ Friendster เป็นคนแรก MySpace มาที่สอง Facebook มาทีหลังสุด... แต่ใครชนะ?"
.
"เหมือน Google ไม่ใช่ search engine ตัวแรก" Thiel อธิบายต่อ "Amazon ไม่ใช่ร้านออนไลน์ร้านแรก iPhone ไม่ใช่สมาร์ทโฟนเครื่องแรก... แต่พวกเขาเป็นคนที่ทำได้ดีที่สุด"
.
Mark ที่ยังอยู่ในสายพยักหน้า "ตอนผมเริ่ม Facebook ทุกคนบอกว่าสาย... แต่ผมบอกว่าไม่สายหรอก ถ้าคุณทำได้ดีกว่าเดิม 10 เท่า และไม่ทำให้ผู้ใช้โกรธจนมีคนทำสารคดีเปิดโปงคุณทุกปี"
.
.
ข้อคิดจาก Last Mover Advantage:
.
1. "ไม่สำคัญว่าใครมาก่อน สำคัญว่าใครทำได้ดีที่สุด"

2. "คนแรกจดจำชื่อ คนสุดท้ายจดจำบทเรียน คนที่ทำได้ดีที่สุดจดประวัติศาสตร์"

3. "First mover ได้ตลาดก่อน Last mover ได้ตลาดถาวร"

4. "มาทีหลังแต่ทำให้ดีกว่า ดีกว่ามาก่อนแต่ทำได้แค่พอใช้"

5. "อย่ากลัวที่จะมาที่หลัง แต่จงกลัวที่จะทำได้ไม่ดีพอ"
.
.
--------------------------------
.
[ Man and Machine ]
.
.
"พูดถึงเทคโนโลยี..." Thiel เปลี่ยนเรื่อง "มีใครกลัวว่าหุ่นยนต์จะมาแย่งงานบ้าง?"
.
หลายมือยกขึ้น
.
"ผมขอเชิญผู้เชี่ยวชาญมาคุยเรื่องนี้..." Thiel กดโทรศัพท์
.
Elon Musk ปรากฏตัวบนจออีกครั้ง คราวนี้หลังเขามีหุ่นยนต์ Tesla Optimus ขนาดจำลองตั้งอยู่
.
"Elon ช่วยเล่าให้พวกเขาฟังหน่อยว่าทำไม Tesla ถึงไม่ใช้หุ่นยนต์ทำงานทั้งหมด"
.
"เพราะหุ่นยนต์ยังเต้นท่าเด็ดๆไม่เป็นไงครับ" Musk ตอบหน้าตาเรียบเฉย "แล้วถ้าไม่มี content บน TikTok ใครจะซื้อหุ่นยนต์ผมล่ะ?"
.
เสียงหัวเราะดังลั่นห้อง
.
"พูดจริงๆ" Musk เสริม "เทคโนโลยีควรเสริมพลังมนุษย์ ไม่ใช่แทนที่... เหมือน Iron Man ไง ไม่ใช่ Terminator หรือถ้าจะให้เข้าใจง่ายๆ ก็เหมือนกาแฟที่ช่วยให้คุณตื่น ไม่ใช่ที่นอนที่ทำให้คุณหลับทั้งวัน"
.
"แต่ผมกลัวว่าจะตกงานครับ" นักศึกษาคนหนึ่งยกมือ
.
"คุณกลัวผิดแล้ว" Thiel ตอบ "คุณควรกลัวว่าคู่แข่งของคุณจะใช้ AI เก่งกว่าคุณต่างหาก... เหมือนที่คุณไม่ควรกลัวว่าจะมีคนแย่งที่จอดรถ แต่ควรกลัวว่าเพื่อนคุณจะมีรถที่จอดเองได้"
.
.
ข้อคิดจาก Man and Machine:
.
1. "เทคโนโลยีที่ดีคือตัวขยายพลังมนุษย์ ไม่ใช่ตัวแทนมนุษย์"

2. "อย่ากลัวว่าหุ่นยนต์จะแย่งงาน จงกลัวว่าคู่แข่งจะใช้หุ่นยนต์เก่งกว่าคุณ"

3. "คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือ มนุษย์เป็นศิลปิน ศิลปะที่ยิ่งใหญ่เกิดจากการผสานทั้งสอง"

4. "จงใช้เทคโนโลยีเป็นปีกที่พาคุณบิน ไม่ใช่ไม้ค้ำที่พยุงคุณไว้"

5. "อนาคตไม่ได้เป็นของคนหรือหุ่นยนต์ แต่เป็นของคนที่ใช้หุ่นยนต์เป็น"
.
.
----------------------------------
.
[ Sales Matter -- ผลิตภัณฑ์เจ๋งแค่ไหน ถ้าขายไม่เป็นก็จบ ]
.
.
"พูดถึงเรื่องขาย..." Thiel เดินไปที่กระดาน "มีคำโกหกที่แพร่หลายมากในซิลิคอน วัลเลย์... นั่นคือ 'ถ้าผลิตภัณฑ์ดี มันจะขายตัวเองได้'"
.
"เหมือนบอกว่า 'ถ้าหล่อ สาวจะมาจีบเอง'" เสียงหนึ่งตะโกนจากแถวหลัง
.
"หรือถ้าเก่งโปรแกรมมิ่ง กูเกิลจะมาทาบทามเอง!" อีกคนเสริม
.
"ใช่!" Thiel หัวเราะ "แล้วเป็นไงล่ะ? สุดท้ายก็นั่งกดไลค์รูปเขาอยู่ในอินสตาแกรม แล้วก็นั่งรอเมลจากกูเกิลที่ไม่มาสักที"
.
"Steve Jobs สร้าง iPhone เจ๋งแค่ไหน ถ้าไม่มีการพรีเซนต์ที่เปลี่ยนโลก ก็คงไม่มีคนต่อคิวซื้อ... Tesla ทำรถเจ๋งแค่ไหน ถ้าไม่มี Elon ทวีตจนโลกต้องจับตามอง ก็คงขายยาก"
.
"แต่ผมไม่อยากเป็นเซลล์ครับ" นักศึกษาคนหนึ่งบ่น
.
"คุณไม่ต้องเป็นเซลล์หรอก" Thiel ตอบ "คุณแค่ต้องรู้วิธีทำให้คนอื่นอยากซื้อของคุณ... เหมือน Mark ไง เขาไม่เคยขาย Facebook ให้ใคร แต่ทำให้ทุกคนกลัวตกเทรนด์ถ้าไม่มี"
.
"หรือเหมือน Apple ที่ไม่เคยบอกว่า iPhone ดีกว่ามือถือเครื่องอื่นยังไง... แต่ทำให้คนรู้สึกว่าถ้าใช้มือถือเครื่องอื่น คุณก็เชย"
.
.
ข้อคิดจาก Sales Matter:
.
1. "ผลิตภัณฑ์ที่ดีแต่ขายไม่เป็น เหมือนอัจฉริยะที่พูดไม่เก่ง: ฉลาดอยู่คนเดียว ไม่มีใครรู้"

2. "การขายไม่ใช่ศิลปะการหลอกลวง แต่เป็นศิลปะการทำให้คนเห็นคุณค่า"

3. "ไอเดียที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็ไร้ค่า ถ้าไม่มีใครรู้ว่ามันมีอยู่"

4. "อย่าขายแค่สินค้า จงขายความฝันที่สินค้าของคุณจะทำให้เป็นจริง"

5. "ทุกคนเป็นเซลล์ แค่ส่วนใหญ่กำลังขายตัวเองให้ถูกเกินไป"
.
.
------------------------------
.
[ Startup Mafia – ทำไมบริษัทต้องเหมือนครอบครัวมาเฟีย ]
.
.
"พูดถึงทีม..." Thiel หยุดชั่วครู่ "รู้ไหมทำไม PayPal ถึงสร้างคนรวยมากที่สุดในซิลิคอน วัลเลย์?"
.
เขาฉายภาพขึ้นจอ – ภาพถ่ายเก่าของทีม PayPal:
- Elon Musk (Tesla, SpaceX)
- Reid Hoffman (LinkedIn)
- Steve Chen (YouTube)
- Jeremy Stoppelman (Yelp)
.
"เพราะพวกเขาไม่ใช่แค่พนักงาน... พวกเขาเป็นครอบครัว" Thiel อธิบาย "เหมือนมาเฟีย แต่ถูกกฎหมาย และไม่มีใครต้องนอนกับปลา... ยกเว้น Jeremy ที่ชอบกินซูชิ"
.
"บริษัทที่ดีต้องมีวัฒนธรรมที่แข็งแกร่ง" เขาเขียนบนกระดาน:
.
- สมาชิกจงรักภักดี (แต่ไม่ต้องสาบานด้วยเลือด)
- มีเป้าหมายร่วมกัน (ที่ไม่ใช่แค่ทำเงิน)
- คนนอกอาจไม่เข้าใจ (และนั่นเป็นเรื่องดี)
.
"เหมือน Apple ยุค Steve Jobs" Thiel อธิบาย "พนักงานทำงานหนักเพราะเชื่อว่ากำลังเปลี่ยนโลก ไม่ใช่แค่ขายคอมพิวเตอร์... หรือเหมือน SpaceX ที่พนักงานยอมนอนที่ออฟฟิศเพราะฝันว่าจะได้ไปดาวอังคาร"
.
"แล้วถ้าเราแค่อยากรวย?" นักศึกษาถาม
.
"งั้นไปทำงานธนาคารดีกว่า" Thiel ตอบ "อย่างน้อยคุณจะได้โบนัสแน่ๆ ไม่ต้องลุ้นว่าบริษัทจะล้มก่อนหรือคุณจะอดก่อน"
.
.
ข้อคิดจาก Startup Mafia:
.
1. "วัฒนธรรมองค์กรไม่ใช่สิ่งที่คุณสร้าง แต่เป็นสิ่งที่คุณเป็น"

2. "ความภักดีไม่ได้ซื้อด้วยเงิน แต่สร้างด้วยวิสัยทัศน์ร่วม"

3. "ทีมที่ดีที่สุดไม่ใช่ทีมที่เก่งที่สุด แต่เป็นทีมที่เชื่อในสิ่งเดียวกัน"

4. "เงินซื้อได้แค่เวลา แต่วิสัยทัศน์ซื้อได้ทั้งหัวใจ"

5. "บริษัทที่ยิ่งใหญ่เริ่มจากความฝันที่บ้าพอ และคนที่บ้าพอจะฝันด้วยกัน"
.
.
-----------------------------------
.
[ Foundation -- วางรากฐานผิด พังยับตั้งแต่เริ่ม ]
.
.
"รู้ไหม ความผิดพลาดที่แก้ยากที่สุดคืออะไร?" Thiel ถาม
.
"แต่งงานกับคนผิดครับ!" เสียงตะโกนมาจากแถวหลัง
.
"ใกล้เคียง..." Thiel ยิ้ม "การเลือกหุ้นส่วนผิด... เหมือนแต่งงาน แต่หย่ายากกว่า และแพงกว่า อย่างน้อยตอนหย่าคุณแค่เสียครึ่งเดียว แต่ถ้าแยกกับหุ้นส่วน บางทีคุณอาจเสียทั้งบริษัท"
.
เขาหันไปทางจอที่ Mark Zuckerberg ยังฟังอยู่ "Mark ช่วยเล่าเรื่อง Eduardo ให้ฟังหน่อย"
.
Mark กำลังจะพูด แต่จู่ๆ ก็มีข้อความ "Your connection has been lost" ปรากฏบนจอ
.
"เห็นไหม..." Thiel หัวเราะ "บางเรื่องเจ็บจนต้องตัดสัญญาณ... แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมเล่าเอง"
.
"Eduardo เป็น CFO คนแรกของ Facebook และเป็นเพื่อนสนิทของ Mark... แต่พอบริษัทเริ่มโต ความเห็นก็เริ่มต่าง Eduardo อยากทำโฆษณา Mark อยากโฟกัสที่การเติบโต... สุดท้ายก็จบลงที่ศาล และภาพยนตร์เรื่อง The Social Network"
.
"สรุปว่าใครผิดครับ?" นักศึกษาถาม
.
"ไม่มีใครผิด" Thiel ตอบ "แต่ทุกคนเสีย... Mark เสียเพื่อน Eduardo เสียหุ้น และทั้งคู่ต้องดูหนังที่คนอื่นเอาชีวิตตัวเองไปทำเงิน"
.
.
ข้อคิดจาก Foundation & Equity:
.
1. "การเลือกหุ้นส่วนผิดเหมือนแต่งงานผิด แต่หย่าแพงกว่าและเจ็บนานกว่า"

2. "อำนาจที่เท่าเทียมคือจุดเริ่มต้นของความขัดแย้ง จงให้อำนาจตัดสินใจสุดท้ายกับคนที่คุณไว้ใจที่สุด"

3. "เงินทุนซื้อได้แค่เวลา แต่หุ้นส่วนที่ใช่ซื้อได้ทั้งอนาคต"

4. "รากฐานที่แข็งแรงไม่ได้สร้างจากสัญญา แต่สร้างจากความไว้ใจ"

5. "ความเท่าเทียมที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่ตัวเลข แต่อยู่ที่วิสัยทัศน์ร่วมกัน"
.
.
------------------------------
.
[ Equity -- แบ่งหุ้นยังไงไม่ให้จบที่ศาล ]
.
.
"พูดถึงหุ้นส่วน..." Thiel เขียนตัวเลขบนกระดาน "50-50 คือตัวเลขที่สวยที่สุด... และอันตรายที่สุด"
.
"ทำไมครับ?" นักศึกษาถาม
.
"เพราะเมื่อถึงจุดที่ต้องตัดสินใจสำคัญ แล้วความเห็นไม่ตรงกัน... จะเกิดอะไรขึ้น?"
.
"เหมือนเล่นเป่ายิ้งฉุบชิงอนาคตบริษัทเหรอครับ?"
.
"หรือแย่กว่านั้น..." Thiel ตอบ "อาจจบที่ศาล... เหมือนคู่รักที่ซื้อบ้านด้วยกัน พอเลิกกันก็ต้องขายบ้านทิ้ง ทั้งที่ไม่มีใครอยากขาย"
.
"แล้วควรแบ่งยังไงครับ?"
.
"ต้องมีคนตัดสินใจสุดท้ายได้คนเดียว" Thiel อธิบาย "เหมือน Steve Jobs ที่ Apple, Mark ที่ Facebook, Elon ที่ Tesla... ไม่งั้นบริษัทจะเหมือนเรือที่มีกัปตันสองคน สุดท้ายก็ต้องจมเพราะแล่นคนละทิศ"
.
"แล้วเรื่องแบ่งหุ้นพนักงานล่ะครับ?"
.
"อ๋อ... กฎง่ายๆ: อย่าให้ทุกคนรู้ว่าใครได้เท่าไหร่" Thiel ยิ้ม "ไม่งั้นจะเกิดดราม่าเหมือนกลุ่มไลน์แม่บ้านหมู่บ้านที่เพิ่งรู้ว่าบ้านใครจ่ายค่าส่วนกลางไม่ครบ"
.
.
-----------------------------
.
[ บทส่งท้าย ]
.
The Last Question: คำถามสุดท้ายที่สำคัญที่สุด “คุณรู้อะไรที่คนอื่นไม่รู้?”
.
.
"ก่อนจบวันนี้" Thiel มองนาฬิกา มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย "ผมมีคำถามสุดท้าย... คำถามที่อาจเปลี่ยนชีวิตคุณไปตลอดกาล"
.
เขาหยิบชอล์กขึ้นมาช้าๆ เสียงชอล์กเสียดสีกับกระดานดำดังกริ๊ก กร๊าก ขณะที่ตัวอักษรค่อยๆ ปรากฏ:
"คุณรู้ความจริงอะไรที่คนอื่นไม่รู้?"
.
ห้องเงียบไปชั่วขณะ ก่อนที่เสียงแรกจะดังขึ้น
.
"ผมรู้สูตรลับของ KFC ครับ!" นักศึกษาคนหนึ่งตะโกน
.
"ผมรู้ว่าทำไมเครื่องทำไอศกรีม McDonald's ถึงพังบ่อย!" อีกคนเสริม
.
"หนูรู้ว่าทำไม hot dog ถึงมาแพ็ค 10 แต่ขนมปังมาแพ็ค 8 ค่ะ!" เสียงใสๆ จากแถวหลังดังขึ้น
.
"ผมรู้ว่าทำไมอาจารย์ถึงใส่เนคไทเส้นเดิมทุกวันครับ!" เสียงสุดท้ายทำเอาทั้งห้องเงียบกริบ
.
Thiel หัวเราะเบาๆ ก่อนจะเดินช้าๆ ไปที่หน้าชั้น "พวกคุณกำลังสับสนระหว่าง 'ความลับ' กับ 'ทฤษฎีสมคบคิด'... ผมกำลังถามถึงความจริงที่ซ่อนอยู่ต่อหน้าต่อตา ความจริงที่ชัดเจนจนคนมองข้าม"
.
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เปิดภาพ Steve Jobs ในชุดเสื้อเต่าดำ "Jobs เห็นว่าคนต้องการโทรศัพท์ที่ใช้ง่ายกว่าที่มีอยู่... ในขณะที่ทุกคนกำลังแข่งกันเพิ่มปุ่มกด"
.
เลื่อนภาพต่อเป็น Mark Zuckerberg "Zuckerberg เห็นว่ามหาวิทยาลัยต้องการเครือข่ายสังคมของตัวเอง... ในขณะที่ทุกคนพยายามสร้างโซเชียลสำหรับทุกคน"
.
และภาพสุดท้าย Elon Musk "และ Musk เห็นว่ารถไฟฟ้าต้องเท่ก่อนถึงจะขายได้... ในขณะที่ทุกคนคิดว่ามันต้องประหยัดก่อน"
.
เขาเก็บโทรศัพท์ มองไปรอบห้องช้าๆ "พวกเขาไม่ได้ค้นพบอะไรใหม่ พวกเขาแค่เห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าทุกคน... แต่ไม่มีใครยอมมอง"
.
"แต่ถ้าคุณยังคิดไม่ออก..." Thiel ยิ้มมุมปาก "อย่างน้อยก็เลิกใส่ crocs ไปทำงานก่อนก็ได้ เพราะมันไม่ได้ช่วยให้คุณเป็น Mark Zuckerberg หรอก... มันแค่ทำให้คุณดูเหมือนคนที่ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะเป็นใคร"
.
ห้องเงียบไปครู่ใหญ่ เสียงนักศึกษาหลายคนแอบถอด crocs ใส่กระเป๋าอย่างแผ่วเบา
.
"ความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุด" Thiel พูดทิ้งท้าย เสียงของเขาแผ่วเบาแต่ชัดเจน "ไม่ใช่การรู้ว่าต้องทำอะไร... แต่เป็นการกล้าที่จะทำในสิ่งที่คุณรู้"
.
ม่านปิดลงช้าๆ พร้อมเสียงปรบมือที่ค่อยๆ ดังขึ้น จนกลายเป็นเสียงกึกก้องที่สะท้อนไปทั่วห้อง
.
คณบดีลุกขึ้นยืน ดึงเนคไทออกช้าๆ ก่อนจะทิ้งมันลงถังขยะ "บางทีความลับของผมก็คือ... ผมเกลียดเนคไทมาตลอด" เขาพึมพำ พลางเดินออกจากห้องไปพร้อมรอยยิ้ม
.
.
ข้อคิดจากบทส่งท้าย
.
1. "ความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือสิ่งที่ซ่อนอยู่ต่อหน้าต่อตาที่ทุกคนมองข้าม"

2. "จงมองหาความจริงที่ทุกคนปฏิเสธ นั่นคือที่ที่โอกาสซ่อนอยู่"

3. "ไม่มีใครค้นพบทวีปใหม่โดยการแล่นเรือตามเส้นทางเดิม"

4. "ความลับไม่ได้ซ่อนอยู่ในที่ลับ แต่ซ่อนอยู่ในสิ่งที่เห็นชัดเกินกว่าจะสังเกต"

5. "คนส่วนใหญ่พลาดโอกาสไม่ใช่เพราะมองไม่เห็น แต่เพราะไม่กล้ามอง"
.
.
---------------------------
.
[ 10 ข้อสรุปจาก Zero to One ]
.
.
1. "ความจริงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในวันนี้ คือสิ่งที่คนส่วนใหญ่คิดว่าเป็นเรื่องบ้าที่สุดเมื่อสิบปีก่อน"
.
2. "เมื่อทุกคนแย่งกันเป็นกบในน้ำอุ่น คนที่กระโดดออกจากหม้อจะเป็นคนเดียวที่รอดตาย"
.
3. "การแข่งขันคือยาเสพติดของผู้แพ้ การสร้างสรรค์คือยาขยายสมองของผู้ชนะ"
.
4. "เทคโนโลยีที่ดีไม่ใช่สิ่งที่ทำให้มนุษย์รู้สึกโง่ลง แต่คือสิ่งที่ทำให้มนุษย์ฉลาดขึ้น"
.
5. "คนธรรมดาเห็นปัญหาแล้วบ่น คนฉลาดเห็นปัญหาแล้วแก้ แต่อัจฉริยะเห็นปัญหาแล้วสร้างธุรกิจพันล้าน"
.
6. "ช่องว่างระหว่าง 0 ถึง 1 กว้างกว่าระยะทางจาก 1 ถึง 1,000"
.
7. "อนาคตไม่ได้ถูกสร้างโดยคนที่พยากรณ์มันได้ถูก แต่โดยคนที่สร้างมันได้ก่อนใคร"
.
8. "โลกนี้แบ่งเป็นสองประเภท: คนที่สร้างสิ่งใหม่จากความว่างเปล่า และคนที่หาเหตุผลว่าทำไมมันเป็นไปไม่ได้"
.
9. "ไม่มีใครสร้างจักรวรรดิด้วยการทำตามคู่มือของคนอื่น"
.
10. "ความสำเร็จที่แท้จริงไม่ใช่การชนะในเกมที่คนอื่นสร้าง แต่คือการสร้างเกมที่คุณไม่มีทางแพ้"

.

.

.

.

#SuccessStrategies

บทความโดย Pond Apiwat Atichat เจ้าของเพจ SuccessStrategies

.

https://www.facebook.com/SuccessStrategiesOfficial

https://www.facebook.com/pond.atichat

Previous
Previous

Start With Why: Simon Sinek (Live in Bangkok) เริ่มจากคำถาม...ที่ยิ่งใหญ่กว่าคำตอบ

Next
Next

Company Of One เขียนโดย Paul Jarvis