Lagom : ปรัชญาชีวิตแสนอบอุ่นของชาวสวีเดน
Lagom : ปรัชญาชีวิตแสนอบอุ่นของชาวสวีเดน
.
เคยสงสัยไหมว่าทำไมชาวสวีเดนถึงได้ดูมีความสุขนักทั้งๆ ที่อากาศหนาวเย็นแทบจะตลอดทั้งปี? พวกเขาอยู่กับความมืดมิดครึ่งปี แต่กลับมีรอยยิ้มสว่างไสวราวกับพระอาทิตย์เที่ยงวัน นี่มันปาฏิหาริย์หรือเปล่า?
.
"ความสุขไม่ได้อยู่ที่การมีทุกสิ่งทุกอย่าง แต่อยู่ที่การรู้จักพอใจในสิ่งที่มี"
.
ลองนึกภาพนะครับ คุณตื่นขึ้นมาในเช้าวันหนึ่งที่อุณหภูมิติดลบ แต่แทนที่จะบ่นถึงความหนาวเหน็บ คุณกลับรู้สึกอุ่นใจเมื่อได้จิบกาแฟร้อนๆ พร้อมขนมปังอบกรอบ แล้วมองออกไปนอกหน้าต่างเห็นเกล็ดหิมะโปรยปรายลงมาอย่างช้าๆ นี่แหละครับ คือชีวิตแบบ "ลากอม" ที่ชาวสวีเดนภูมิใจนำเสนอ
.
ลากอม (Lagom) (อ่านออกเสียงสวีเดน - ลอก็อม) เป็นคำในภาษาสวีเดนที่แปลตรงตัวว่า "ไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป แต่พอดี"
.
.
--------------------------
.
"ความพอดีคือดอกไม้ที่บานสะพรั่งในสวนแห่งความสุข"
.
.
ลองนึกถึงตอนที่คุณกินอาหารจานโปรดสิครับ คุณจะรู้สึกอิ่มพอดีและมีความสุขที่สุดตอนไหน? ใช่แล้ว ตอนที่คุณกินในปริมาณที่พอดี ไม่มากจนท้องอืด ไม่น้อยจนท้องร้องอยู่ นั่นแหละคือจิตวิญญาณของลากอม
.
แต่อย่าเข้าใจผิดล่ะ ลากอมไม่ได้หมายถึงการจำกัดตัวเองหรือการอดอยาก แต่หมายถึงการรู้จักพอใจในสิ่งที่มี และเลือกที่จะมีความสุขกับมัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม
.
ลากอมเป็นแนวคิดที่ครอบคลุมทุกแง่มุมของชีวิต ตั้งแต่การกิน การใช้ชีวิต ไปจนถึงการทำงานและความสัมพันธ์กับผู้อื่น มันสอนให้เรารู้จักสมดุล รู้จักพอ และมีความสุขกับสิ่งที่เรามี โดยไม่ต้องเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น
.
ลากอมเป็นเหมือนลมหายใจแห่งความสงบที่ช่วยให้เราหยุดและมองเห็นคุณค่าของสิ่งรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นกาแฟร้อนๆ สักแก้ว การได้นั่งอ่านหนังสือใต้ต้นไม้ หรือแม้แต่การได้นอนเล่นกับสัตว์เลี้ยงในวันหยุด
.
.
-------------------------
.
เรื่องราวแสนอบอุ่นของชาวไวกิ้ง
.
.
คุณอาจจะนึกภาพชาวไวกิ้งเป็นนักรบดุร้าย แต่รู้ไหมว่าพวกเขาก็มีมุมอ่อนโยนเหมือนกัน
.
"แม้แต่นักรบที่แข็งแกร่งที่สุด ก็ยังต้องการบ้านที่อบอุ่นให้กลับมา"
.
ตำนานเล่าว่า เมื่อนักรบไวกิ้งกลับจากการออกทะเล พวกเขาจะนั่งล้อมวงกันดื่มเบียร์จากเหยือกใบเดียวกัน แต่ละคนจะดื่มแค่พอประมาณ เพื่อให้ทุกคนได้ดื่ม นี่แหละคือจุดกำเนิดของแนวคิดลากอม
.
ลากอมค่อยๆ ซึมซับเข้าไปในวิถีชีวิตของชาวสวีเดนผ่านกาลเวลา จากการแบ่งปันอาหารในยามขาดแคลน ไปจนถึงการสร้างบ้านที่อบอุ่นพอดีในฤดูหนาวอันยาวนาน
.
ในช่วงศตวรรษที่ 19 และ 20 เมื่อสวีเดนเริ่มพัฒนาเป็นรัฐสวัสดิการ แนวคิดลากอมก็ยิ่งฝังรากลึกลงไปในสังคม การจัดสรรทรัพยากรอย่างเท่าเทียมและการดูแลซึ่งกันและกันกลายเป็นหัวใจสำคัญของสังคมสวีเดน
.
ไม่เพียงแต่ในด้านสังคม ลากอมยังส่งผลต่อการออกแบบและสถาปัตยกรรมของสวีเดนด้วย บ้านเรือนและเฟอร์นิเจอร์ของสวีเดนมักจะเรียบง่าย แต่สวยงามและใช้งานได้ดี สะท้อนถึงปรัชญาที่ว่า "ไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป แต่พอดี"
.
.
-----------------------------
.
ลากอมในชีวิตประจำวัน
.
.
แล้วลากอมมันเกี่ยวอะไรกับชีวิตประจำวันของเราล่ะ? ลองมาดูกันครับ:
.
1. อาหาร: ชาวสวีเดนชอบทานอาหารแบบพอดีคำ ไม่เน้นปริมาณมาก แต่เน้นคุณภาพและการกินอย่างมีสติ พวกเขามักจะใช้เวลากับมื้ออาหาร ไม่รีบร้อน และมักจะทานอาหารร่วมกับครอบครัวหรือเพื่อนฝูง การทานอาหารจึงไม่ใช่แค่การกินเพื่ออิ่มท้อง แต่เป็นโอกาสในการสร้างความสัมพันธ์และความสุขร่วมกัน
.
"มื้ออาหารที่ดีที่สุดคือมื้อที่แบ่งปันกับคนที่คุณรัก"
.
2. การแต่งกาย: เสื้อผ้าเรียบง่าย แต่มีสไตล์ ไม่ฟุ่มเฟือย แต่ก็ไม่ขี้เหนียว ชาวสวีเดนมักจะเลือกเสื้อผ้าที่มีคุณภาพดี ใส่ได้นาน และมักจะเน้นโทนสีเรียบๆ ที่ผสมผสานกันได้ง่าย นี่ทำให้พวกเขามีตู้เสื้อผ้าที่ไม่ได้เต็มไปด้วยเสื้อผ้ามากมาย แต่สามารถแต่งตัวได้หลากหลายและเหมาะสมกับทุกโอกาส
.
3. การทำงาน: ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ไม่หักโหม มีเวลาพักผ่อนและใช้ชีวิตส่วนตัว ในสวีเดน การทำงานล่วงเวลาไม่ใช่เรื่องที่น่าภูมิใจ แต่กลับถูกมองว่าเป็นการจัดการเวลาที่ไม่มีประสิทธิภาพ พวกเขาเชื่อว่าการมีเวลาให้กับครอบครัวและตัวเองเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้การทำงาน
.
"งานที่ดีที่สุดคืองานที่ทำให้คุณมีเวลาใช้ชีวิต"
.
4. การตกแต่งบ้าน: บ้านของชาวสวีเดนมักจะเรียบง่าย แต่อบอุ่นและสวยงาม พวกเขาชอบใช้แสงธรรมชาติและวัสดุจากธรรมชาติในการตกแต่ง ไม่เน้นความหรูหราฟุ่มเฟือย แต่เน้นความสะดวกสบายและฟังก์ชันการใช้งาน
.
5. การใช้ชีวิตกับธรรมชาติ: ชาวสวีเดนให้ความสำคัญกับการใช้เวลาในการใช้ชีวิตกับธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นการเดินป่า ปิกนิก หรือแค่นั่งพักผ่อนในสวนสาธารณะ พวกเขาเชื่อว่าการได้สัมผัสกับธรรมชาติช่วยให้จิตใจสงบและมีความสุข
.
"ธรรมชาติคือห้องนั่งเล่นที่ใหญ่ที่สุดของเรา"
.
ลองนึกภาพนะครับ แทนที่จะเร่งรีบไปทำงานล่วงเวลา คุณเลือกที่จะแวะดื่มกาแฟกับเพื่อนสักแก้ว พูดคุยเรื่องสัพเพเหระ แล้วค่อยๆ เดินกลับบ้าน สูดอากาศสดชื่น... นี่แหละครับ คือชีวิตแบบลากอม
.
.
-----------------------------------
.
ลากอมกับสังคม
.
.
ลากอมไม่ได้มีผลแค่กับปัจเจกบุคคล แต่ยังส่งผลต่อสังคมโดยรวมด้วย ลองนึกภาพสังคมที่ทุกคนพอใจกับสิ่งที่ตัวเองมี ไม่เบียดเบียนกัน และพร้อมที่จะแบ่งปัน... ฟังดูเหมือนยูโทเปียเลยใช่ไหมล่ะ?
.
"สังคมที่ดีที่สุดคือสังคมที่ทุกคนรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า"
.
ในขณะที่หลายประเทศกำลังวุ่นวายกับการแข่งขันแย่งชิง ชาวสวีเดนกลับกำลังสนุกกับการปิกนิกในสวนสาธารณะ หรือนั่งจิบกาแฟยามบ่ายกับเพื่อนบ้าน โดยไม่ต้องกังวลว่าใครจะมีมากกว่าใคร
.
ลากอมส่งเสริมให้เกิดสังคมที่เท่าเทียมกัน ทั้งในแง่ของโอกาสและการกระจายทรัพยากร ระบบภาษีและสวัสดิการของสวีเดนก็ได้รับอิทธิพลจากแนวคิดนี้ โดยมุ่งเน้นการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับทุกคนในสังคม
.
นอกจากนี้ ลากอมยังส่งเสริมการทำงานร่วมกันและการตัดสินใจแบบฉันทามติ ในที่ทำงานของสวีเดน การแสดงความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมของทุกคนเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าคุณจะอยู่ในตำแหน่งไหนก็ตาม
.
.
----------------------------
.
ข้อดีของลากอม
.
.
ลากอมเป็นวิถีชีวิตที่นำมาซึ่งความสุขที่ยั่งยืน ลองมาดูข้อดีกันครับ:
.
1. ลดความเครียด: เมื่อคุณพอใจกับสิ่งที่มี คุณก็จะไม่เครียดกับสิ่งที่ไม่มี
"ความสุขไม่ได้อยู่ที่การมีทุกอย่าง แต่อยู่ที่การรู้จักพอใจในสิ่งที่มี"
.
2. เพิ่มความสุขในชีวิตประจำวัน: คุณจะมีความสุขกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่น การได้กินขนมปังอบสดๆ ในตอนเช้า
.
3. สร้างความสัมพันธ์ที่ดี: เมื่อทุกคนในสังคมรู้จักพอ ก็จะไม่มีการแข่งขันชิงดีชิงเด่น ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนเป็นไปอย่างราบรื่นและจริงใจมากขึ้น
.
4. ดีต่อสิ่งแวดล้อม: การบริโภคแต่พอดีช่วยลดการใช้ทรัพยากรและลดขยะ ซึ่งเป็นผลดีต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว
.
5. ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์: เมื่อคุณไม่ยึดติดกับการมีของมากมาย คุณจะเริ่มคิดสร้างสรรค์มากขึ้นในการใช้สิ่งที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
.
.
---------------------------------
.
"ความสุขที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่การมีทุกอย่าง แต่อยู่ที่การรู้จักมีความสุขกับทุกอย่างที่มี"
.
.
บางทีการ "พอดี" อาจจะเป็นสิ่งที่ "มากพอ" สำหรับการมีชีวิตที่มีความสุขและมีความหมายก็ได้
.
ชีวิตที่ดีไม่จำเป็นต้องยิ่งใหญ่ แต่ต้องพอดีกับตัวเราเองครับ
.
.
.
.
#SuccessStrategies #Lagom
บทความโดย Pond Apiwat Atichat เจ้าของเพจ SuccessStrategies
.