สรุปหนังสือ Skin in the Game เขียนโดย Nassim Nicholas Taleb
สรุปหนังสือ Skin in the Game: จงเดิมพันอุดมการณ์ของคุณด้วยตัวคุณเอง เขียนโดย Nassim Nicholas Taleb
.
"Don't tell me what you 'think,' just tell me what's in your portfolio."
ประโยคคมกริบของ Nassim Nicholas Taleb ที่สะท้อนว่าการกระทำสำคัญกว่าคำพูด
.
Taleb เป็นนักคิด นักเขียน เทรดเดอร์ออปชันที่มีชื่อเสียง และศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก Taleb เป็นที่รู้จักจากหนังสืออย่าง Fooled by Randomness, The Black Swan, Antifragile และ Skin in the Game เขาทุ่มเทชีวิตทั้งหมดเพื่อศึกษาประเด็นเรื่องโชค ความไม่แน่นอน ความน่าจะเป็น
.
บทความโดย Pond Apiwat Atichat เพจ Success Strategies กลยุทธ์แห่งความสำเร็จ
.
==========================
.
0.
[ Skin in the Game คืออะไร? ]
.
"Skin in the Game" เป็นแนวคิดที่ชี้ให้เห็นว่า คนที่เกี่ยวข้องในกระบวนการหรือการตัดสินใจบางอย่างควรมีความเสี่ยงหรือผลประโยชน์ร่วมด้วย ไม่ใช่แค่เป็นผู้สั่งการหรือให้คำแนะนำโดยไม่มีอะไรที่ตัวเองต้องเสียหากการตัดสินใจนั้นล้มเหลว
.
ตัวอย่าง
.
ลองนึกถึง กัปตันเรือไททานิก ถ้าเขาไม่อยู่บนเรือขณะเรือชนภูเขาน้ำแข็ง แต่กลับส่งคำสั่งผ่านวิทยุจากชายฝั่ง นั่นคือการไม่มี "Skin in the Game" เพราะเขาไม่มีอะไรต้องเสียหากเรือจม แต่ในความเป็นจริง กัปตันไททานิกอยู่บนเรือและจบชีวิตไปพร้อมลูกเรือและผู้โดยสาร นี่คือการมี "Skin in the Game" อย่างแท้จริง
.
อีกตัวอย่างหนึ่งคือ นักลงทุนที่ลงทุนในหุ้นของบริษัทตัวเอง เช่น อีลอน มัสก์ ที่ถือหุ้นจำนวนมากใน Tesla และ SpaceX การตัดสินใจของเขาจึงไม่ได้มีผลแค่ต่อบริษัท แต่ยังส่งผลโดยตรงต่อความมั่งคั่งส่วนตัวของเขา นี่คือ "Skin in the Game" ครับ
.
ส่วนตัวอย่างของกรณีที่ไม่มี Skin in the Game เช่น
.
1. ผู้บริหารองค์กรที่รับโบนัสสูงแม้บริษัทล้มเหลว
.
2. นักวิเคราะห์หรือที่ปรึกษาการลงทุนแนะนำให้ลูกค้าลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง โดยที่ตัวเองไม่ได้ลงทุนในสินทรัพย์เดียวกัน หรือไม่ได้รับผลกระทบจากความเสียหายของลูกค้า
.
3. นักขายคอร์สทำธุรกิจที่ไม่เคยทำธุรกิจอื่นประสบความสำเร็จนอกเหนือจาก “ธุรกิจสอนทำธุรกิจ”
.
4. เจ้าหน้าที่รัฐบาลหรือข้าราชการระดับสูง ที่มีการตัดสินใจอันส่งผลกระทบต่อประชาชน เช่น การออกกฎหมาย การใช้เงินภาษี หรือการอนุมัติโครงการใหญ่ แต่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง หากโครงการล้มเหลว เช่น การสร้างถนนที่ไม่ได้มาตรฐาน พังเร็วเกินไป ประชาชนเดือดร้อน แต่ผู้ที่อนุมัติโครงการหรือผู้รับเหมาอาจไม่ได้รับโทษใดๆ
.
.
==============================
เข้าสู่เนื้อหาในหนังสือกันเลยครับ
==============================
.
1.
[ Symmetry in Risk Taking ]
.
Taleb เริ่มต้นด้วยการเปิดโปงปัญหาร้ายแรงของโลกสมัยใหม่ - การแยกขาดระหว่างผู้ตัดสินใจและผู้รับผลกระทบ เขายกตัวอย่างกรณีของ Bob Rubin อดีตรัฐมนตรีคลังสหรัฐที่กอบโกยผลตอบแทนกว่า 120 ล้านดอลลาร์จาก Citibank ในทศวรรษก่อนวิกฤตการเงิน 2008 เมื่อธนาคารล้มละลายและต้องใช้เงินภาษีประชาชนช่วยเหลือ Rubin ก็อ้างว่าเป็นเหตุสุดวิสัย - กรณีนี้แสดงให้เห็นชัดว่าระบบที่แยกผลตอบแทนออกจากความเสี่ยงนำไปสู่หายนะได้อย่างไร
.
"Those who get rich through their mistake and the misfortune of others should feel the weight of their responsibility"
"คนที่รวยจากความผิดพลาดและความโชคร้ายของผู้อื่น ต้องรู้สึกถึงน้ำหนักแห่งความรับผิดชอบ" - Taleb ชี้ให้เห็นว่าระบบที่ดีต้องมีกลไกให้ผู้ได้ประโยชน์ต้องแบกรับความเสี่ยงด้วย
.
ในประวัติศาสตร์ เราเห็นตัวอย่างของการมี skin in the game มากมาย เช่น กฎหมายฮัมมูราบีที่กำหนดให้สถาปนิกต้องถูกประหารหากอาคารที่เขาสร้างพังทลายและฆ่าเจ้าของบ้าน หรือจักรพรรดิโรมันที่ต้องนำทัพรบด้วยตนเอง ไม่ใช่สั่งการจากพระราชวังอันปลอดภัย การมีผู้นำที่ต้องเสี่ยงชีวิตร่วมกับทหารทำให้การตัดสินใจทำสงครามรอบคอบขึ้น
.
"Survival comes first, truth, understanding, and science later"
"การอยู่รอดมาก่อน ความจริง ความเข้าใจ และวิทยาศาสตร์ค่อยตามมา" - ระบบที่อยู่รอดได้ย่อมมีความถูกต้องบางอย่างในตัวมันเอง แม้เราจะไม่เข้าใจกลไกทั้งหมดก็ตาม
.
.
========================
.
2.
[ พลังของคนกลุ่มน้อยที่แน่วแน่ (The Most Intolerant Wins) ]
.
"It suffices for an intransigent minority to reach a minutely small level for the entire population to have to submit to their preferences"
.
"เพียงแค่คนกลุ่มน้อยที่ไม่ยอมอ่อนข้อมีจำนวนเล็กน้อย ก็เพียงพอที่จะทำให้ประชากรทั้งหมดต้องยอมตามความต้องการของพวกเขา"
.
Taleb นำเสนอแนวคิดที่น่าทึ่งว่าคนกลุ่มน้อยที่มีจุดยืนแน่วแน่สามารถกำหนดกฎเกณฑ์ให้สังคมได้ เขายกตัวอย่างอาหาร Kosher ที่แม้จะมีชาวยิวเพียง 0.3% ในสหรัฐ แต่เครื่องดื่มเกือบทั้งหมดต้องได้มาตรฐาน Kosher เพราะผู้ผลิตไม่อยากแยกสายการผลิต คนที่ไม่กินอาหาร Kosher สามารถกินอาหาร Kosher ได้ แต่คนที่กินเฉพาะอาหาร Kosher จะไม่ยอมกินอาหารทั่วไป
.
ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นในหลายบริบท เช่น การที่คนพิการ 1% ทำให้อาคารต้องมีทางลาดและห้องน้ำสำหรับผู้พิการ เพราะคนทั่วไปใช้สิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านี้ได้ แต่คนพิการใช้สิ่งอำนวยความสะดวกทั่วไปไม่ได้ หรือการที่คนแพ้ถั่วจำนวนน้อยทำให้สายการบินต้องงดเสิร์ฟถั่วทั้งหมด
.
"The most intolerant wins - the world is not run by consensus but by stubborn minorities"
"ผู้ที่ไม่ประนีประนอมคือผู้ชนะ - โลกไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยฉันทามติ แต่ขับเคลื่อนด้วยชนกลุ่มน้อยที่ดื้อดึง"
.
.
===========================
.
3.
[ ทาสในรูปแบบใหม่ (Wolves Among Dogs) ]
.
"Every organization wants a certain number of people associated with it to be deprived of a certain share of their freedom"
.
"ทุกองค์กรต้องการให้คนจำนวนหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับมันสูญเสียอิสรภาพบางส่วนไป"
.
Taleb มองว่าระบบการจ้างงานสมัยใหม่คือการสร้างทาสในรูปแบบใหม่ที่แยบยล พนักงานบริษัทถูกผูกมัดด้วยเงินเดือน สวัสดิการ และความมั่นคง จนกลายเป็น "เหยื่อสมัครใจ" ที่ไม่กล้าออกจากกรอบหรือท้าทายระบบ เขายกตัวอย่างพนักงานต่างประเทศของบริษัทข้ามชาติที่ได้สิทธิพิเศษมากมาย ทั้งบ้านพัก รถยนต์ โรงเรียนลูก แต่แลกมาด้วยการต้องเชื่อฟังองค์กรอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง
.
"Complete freedom is the last thing you want if you have an organized religion to run"
"อิสรภาพที่สมบูรณ์คือสิ่งสุดท้ายที่คุณต้องการ หากคุณมีศาสนาที่เป็นระบบต้องดูแล"
.
.
==============================
.
4.
[ สัจธรรมของความกล้าและความเสี่ยง (Being Alive Means Taking Certain Risks) ]
.
"If you do not take risks for your opinion, you are nothing"
"ถ้าคุณไม่กล้าเสี่ยงเพื่อความเชื่อของตัวเอง คุณก็ไม่มีค่าอะไรเลย"
.
Taleb อธิบายว่าความกล้าหาญที่แท้จริงต้องมาพร้อมกับการเสี่ยง เขายกตัวอย่างนักมายากล David Blaine ที่แทงมือตัวเองจริงๆ ในการแสดง ไม่ใช่แค่ภาพลวงตา การทำเช่นนี้ทำให้เขาน่าเชื่อถือกว่านักมายากลที่ใช้เพียงเทคนิคลวงตา
.
ในทางการเมือง Trump ชนะการเลือกตั้งเพราะผู้คนรู้สึกว่าเขาเป็นของจริง แม้จะมีข้อบกพร่องมากมาย แต่การที่เขาเคยล้มละลายและสูญเสียเงินหลายพันล้านดอลลาร์ กลับทำให้เขาดูน่าเชื่อถือกว่านักการเมืองที่ดูสมบูรณ์แบบแต่ไม่เคยเสี่ยงอะไรเลย
.
"Scars signal skin in the game"
"รอยแผลคือหลักฐานของการเดิมพันด้วยชีวิต"
.
.
=======================
.
5.
[ ความจริงและข่าว ]
.
"The ethical is always more robust than the legal. Over time, it is the legal that should converge to the ethical, never the reverse"
.
"จริยธรรมมั่นคงกว่ากฎหมายเสมอ เมื่อเวลาผ่านไป กฎหมายควรปรับเข้าหาจริยธรรม ไม่ใช่ในทางกลับกัน"
.
Taleb วิพากษ์สื่อมวลชนที่รายงานข่าวโดยไม่มี skin in the game พวกเขามักบิดเบือนความจริงเพื่อสร้างเรื่องราวที่น่าสนใจ โดยไม่ต้องรับผิดชอบต่อผลกระทบ เขายกตัวอย่างประสบการณ์ตรงที่สื่อบิดเบือนการอภิปรายของเขากับ David Cameron โดยหยิบประโยคเดียวมาขยายความจนผิดเพี้ยน
.
สื่อสมัยใหม่มีปัญหาเชิงโครงสร้างที่ผลประโยชน์ขัดแย้งกับสาธารณะ พวกเขากังวลเรื่องความเห็นของนักข่าวด้วยกันมากกว่าผู้อ่าน เหมือนร้านอาหารที่ทำอาหารเพื่อเอาใจเชฟคนอื่น ไม่ใช่ลูกค้า
.
"The Facts are true, the News is fake"
"ข้อเท็จจริงเป็นความจริง แต่ข่าวเป็นของปลอม"
.
.
========================
.
6.
[ ศาสนาและความเชื่อ (Religion, Belief, and Skin in the Game) ]
.
"Love without sacrifice is theft"
.
"ความรักที่ปราศจากการเสียสละ คือการขโมย"
.
Taleb มองศาสนาในมุมที่แตกต่าง เขาเสนอว่าศาสนาไม่ใช่เรื่องของความเชื่อ แต่เป็นเรื่องของการลงมือทำและการเสียสละ เขายกตัวอย่างพิธีบูชายัญในศาสนาโบราณที่ต้องการการเสียสละจริง ไม่ใช่แค่คำพูดหรือพิธีกรรมเชิงสัญลักษณ์
.
"You can define a free person precisely as someone whose fate is not centrally or directly dependent on peer assessment"
"คนที่เป็นอิสระคือคนที่ชะตาชีวิตไม่ได้ขึ้นอยู่กับการประเมินจากเพื่อนร่วมงาน"
.
ในการวิเคราะห์ที่ลึกซึ้ง Taleb แบ่งคนออกเป็น 3 กลุ่ม:
.
1. คนที่เป็นผู้ไม่เชื่อในการกระทำ แต่เชื่อในคำพูด (ชาวคริสต์และคาทอลิกส่วนใหญ่)
2. คนที่เชื่อทั้งในการกระทำและคำพูด (พวกหัวรุนแรงทางศาสนา)
3. คนที่ไม่เชื่อทั้งในการกระทำและคำพูด (ซึ่งแทบไม่มีอยู่จริง เพราะทุกคนมีความเชื่อและพิธีกรรมบางอย่าง)
.
.
========================
.
7.
[ ตรรกะของการรับความเสี่ยง (The Logic of Risk Taking) ]
.
"Rationality is risk management, period"
"ความมีเหตุผลก็คือการจัดการความเสี่ยง"
.
ในบทสุดท้าย Taleb อธิบายแนวคิดเรื่อง ergodicity - หลักการที่ว่าการตัดสินใจที่ดีต้องคำนึงถึงผลระยะยาวและการอยู่รอดของระบบ เขาชี้ให้เห็นว่าการพนันในคาสิโน 100 คนเล่นครั้งเดียว กับคนเดียวเล่น 100 ครั้ง เป็นคนละเรื่องกัน คนเดียวเล่นหลายครั้งจะล้มละลายแน่นอนในที่สุด
.
"To succeed, you need to survive"
"จะประสบความสำเร็จ คุณต้องอยู่รอดก่อน"
.
การตัดสินใจที่ดีไม่ใช่แค่การคำนวณผลได้ผลเสีย แต่ต้องคำนึงถึงความเสี่ยงที่จะทำให้ระบบล่มสลาย เขาวิจารณ์นักเศรษฐศาสตร์ที่มองข้ามความเสี่ยงเชิงระบบ และเสนอว่าความมีเหตุผลที่แท้จริงคือการรักษาความอยู่รอดของระบบในระยะยาว
.
.
==========================
.
[ บทสรุป Skin in the Game ]
.
"Time is the ultimate judge and executioner"
"กาลเวลาคือผู้พิพากษาและเพชฌฆาตสูงสุด"
.
Skin in the Game ของ Nassim Nicholas Taleb เป็นการเปิดโปงความจริงของระบบที่ขาด "การเดิมพันด้วยชีวิต" ในโลกสมัยใหม่ เขาชี้ให้เห็นว่าปัญหาใหญ่ของสังคมเกิดจากการที่ผู้มีอำนาจตัดสินใจไม่ต้องรับผิดชอบต่อผลลัพธ์ ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง นักเศรษฐศาสตร์ ผู้บริหาร หรือสื่อมวลชน
.
แนวคิดสำคัญที่ Taleb นำเสนอ:
.
1. ระบบที่ดีต้องบังคับให้ผู้ตัดสินใจมีส่วนได้ส่วนเสียกับผลลัพธ์
2. คนกลุ่มน้อยที่แน่วแน่มีพลังมากกว่าคนส่วนใหญ่ที่ยืดหยุ่น
3. ความมั่นคงที่มากเกินไปทำให้คนขาดอิสรภาพและความกล้า
4. รอยแผลและความล้มเหลวคือเครื่องพิสูจน์ประสบการณ์จริง
5. ความจริงอยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูดหรือความเชื่อ
.
.
"The few who understand the system will either be so interested in its profits or so dependent on its favors that there will be no opposition from that class"
"คนส่วนน้อยที่เข้าใจระบบ จะหมกมุ่นกับผลกำไรหรือพึ่งพาผลประโยชน์จนไม่มีใครคัดค้านระบบ"
.
Taleb ทิ้งท้ายด้วยความหวังว่า การเข้าใจความสำคัญของ Skin in the Game จะนำไปสู่การปฏิรูประบบให้ทุกคนต้องรับผิดชอบต่อการตัดสินใจของตน เพราะนั่นคือทางเดียวที่จะสร้างสังคมที่ยั่งยืนและเป็นธรรม
.
"For civilization to thrive, the relationship between risk and reward must be real"
"เพื่อให้อารยธรรมเฟื่องฟู ความสัมพันธ์ระหว่างความเสี่ยงและผลตอบแทนต้องเป็นของจริง"
.
.
บทความโดย Pond Apiwat Atichat เพจ Success Strategies กลยุทธ์แห่งความสำเร็จ
.
.
.
.
#SuccessStrategies #Book #Summary