จดโน้ตอย่างไรให้ฉลาดล้ำ = สร้าง "สมองที่สอง" (สรุปหนังสือ How to take smart notes เขียนโดย Sönke Ahrens)

จดโน้ตอย่างไรให้ฉลาดล้ำ = สร้าง "สมองที่สอง" (สรุปหนังสือ How to take smart notes เขียนโดย Sönke Ahrens)
.
"ถ้าความคิดถูกเก็บไว้คนเดียว มันก็เหมือนความคิดที่ไม่เคยเกิดขึ้น"
.
คำพูดนี้มาจาก Sönke Ahrens นักการศึกษาชาวเยอรมันผู้ที่ใช้เวลาครึ่งชีวิตศึกษาปรัชญาการศึกษาที่มหาวิทยาลัยฮัมบูร์ก จนค้นพบว่า... บางทีสิ่งที่เราต้องการไม่ใช่สมองที่ดีกว่า แต่เป็น "สมองที่สอง" ต่างหาก
.
Sönke Ahrens เป็นนักวิจัยอิสระและโค้ชที่หมกมุ่นกับคำถามว่า "ทำไมคนฉลาดถึงทำงานได้ดีกว่า?" จนเขียนหนังสือ "How to Take Smart Notes" ที่กลายเป็นคู่มือการจดโน้ตที่ขายดีไปทั่วโลก
.
.
===========================
.
[ ทำความรู้จักกับ Zettelkasten: สมองที่สองของนักคิด ]
.
ในโลกที่ความรู้ท่วมท้น การจดโน้ตไม่ใช่แค่เรื่องของการบันทึก แต่เป็นศิลปะของการจัดการความคิด Zettelkasten คือระบบที่จะเปลี่ยนวิธีที่คุณคิดและเรียนรู้ไปตลอดกาล
.
ย้อนกลับไปในเยอรมนีช่วงกลางศตวรรษที่ 20 มีนักสังคมวิทยาคนหนึ่งชื่อ Niklas Luhmann นั่งอยู่ในห้องทำงานที่มีกล่องไม้ใบใหญ่วางอยู่ข้างโต๊ะ ในกล่องนั้นมีบัตรบันทึกเล็กๆ นับหมื่นใบ แต่ละใบมีหมายเลขกำกับ เชื่อมโยงถึงกันด้วยระบบที่ซับซ้อนแต่ลงตัว
.
ด้วยระบบนี้ Luhmann สร้างผลงานที่น่าทึ่ง: หนังสือ 60 เล่ม และบทความวิชาการ 600 ชิ้น ทั้งหมดนี้เกิดจากการจดโน้ตเพียงวันละ 6 ใบเท่านั้น!
.
.
======================
.
[ ปัญหาของการจดโน้ตแบบเดิม ]
.
1. จดแล้วจบ ไม่ได้ต่อ

สิ่งที่เราจดไว้มักจบลงในวันที่เราปิดสมุด ความรู้และไอเดียดีๆ ถูกฝังอยู่ในหน้ากระดาษหรือไฟล์ดิจิทัล ไม่ต่างจากการฝังขุมทรัพย์แล้วลืมแผนที่ ทั้งที่ตอนจด เราเชื่อมั่นว่าจะได้ใช้ประโยชน์ แต่สุดท้าย มันกลับกลายเป็นเพียงการบันทึกที่ไม่มีชีวิต รอวันถูกลืม
.
2. ความรู้แยกส่วน ขาดการเชื่อมโยง

เหมือนการสร้างจิ๊กซอว์ที่กระจัดกระจาย โน้ตแต่ละชิ้นอาจมีคุณค่าในตัวเอง แต่เมื่อไม่ถูกเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน ก็ไม่อาจเห็นภาพใหญ่ที่สมบูรณ์ ความเข้าใจของเราจึงตื้นและแคบ ไม่สามารถนำความรู้จากหลายๆ ด้านมาผสมผสานให้เกิดมุมมองที่ลึกซึ้งได้
.
3. หาไม่เจอ ทั้งที่แน่ใจว่าเคยจด

นึกออกไหมครับ ความรู้สึกที่ว่า "เฮ้ย! เราเคยจดเรื่องนี้ไว้นี่นา แต่อยู่ไหนนะ?" แล้วก็ต้องเสียเวลาไล่หาในสมุดหลายเล่ม หรือสไลด์หาในแอพหลายตัว สุดท้ายก็ต้องจดใหม่ หรือไม่ก็ทนใช้ความจำที่เลือนรางแทน
.
4. บันทึกแต่ไม่ได้คิด

การจดแบบเดิมมักเป็นเพียงการคัดลอกข้อมูล เหมือนการถ่ายรูปอาหารสวยๆ แต่ไม่ได้ชิม เราได้เพียงภาพที่สวยงาม แต่ไม่รู้รสชาติที่แท้จริง ความรู้จึงไม่ได้พัฒนา และไม่นำไปสู่การต่อยอดความคิดใหม่ๆ
.
.
============================
.
[ วิธีสร้าง "สมองที่สอง" แบบ Zettelkasten ]
.
การสร้าง "สมองที่สอง" เริ่มจากความเข้าใจพื้นฐานที่สำคัญ: สมองของเรามีข้อจำกัด แต่มีพลังมหาศาลในการคิดสร้างสรรค์ Zettelkasten จึงถูกออกแบบให้ทำงานเสริมกับสมองของเราอย่างลงตัว โดยแบ่งงานกันทำตามความถนัด
.
1. การเตรียมพร้อมก่อนเริ่มระบบ
.
ก่อนจะเริ่มสร้าง "สมองที่สอง" คุณต้องเตรียมพื้นที่และเครื่องมือให้พร้อม ไม่ว่าจะเป็นสมุดจดที่พกพาสะดวก แอพพลิเคชันในมือถือ หรือโปรแกรมจดโน้ตในคอมพิวเตอร์ สิ่งสำคัญคือต้องเข้าถึงได้ง่ายทุกเวลาที่ต้องการ
.
เปรียบเหมือนการสร้างบ้านให้ความคิด คุณต้องมีทั้ง:

- "ประตูหน้า" สำหรับรับความคิดใหม่ที่ผุดขึ้น

- "ห้องทำงาน" สำหรับพัฒนาความคิด

- "ห้องเก็บของ" สำหรับจัดเก็บอย่างเป็นระบบ

- "ทางเชื่อม" ระหว่างความคิดต่างๆ
.
.
2. กระบวนการทำงานประจำวัน
.

2.1 การจับความคิด (Capture)

เมื่อมีความคิดหรือไอเดียผุดขึ้น จดทันทีในรูปแบบที่สั้นที่สุด อาจเป็นประโยคเดียว คำสำคัญ หรือแม้แต่ภาพวาด ไม่ต้องกังวลเรื่องความสมบูรณ์ เพียงจับประเด็นสำคัญให้ได้ก่อนที่ความคิดจะหายไป
.

2.2 การประมวลผล (Process)

ทุกสิ้นวันหรืออย่างช้าที่สุดทุก 2-3 วัน นำความคิดที่จับไว้มาประมวลผล:

- อ่านทบทวนสิ่งที่จด

- ขยายความให้ชัดเจน

- เขียนใหม่ในรูปแบบที่สมบูรณ์

- เชื่อมโยงกับความคิดที่มีอยู่เดิม
.

2.3 การจัดเก็บ (Store)

เมื่อประมวลผลแล้ว จัดเก็บในระบบหลัก โดย:

- ให้รหัสอ้างอิงที่ชัดเจน

- เพิ่มคำสำคัญสำหรับค้นหา

- สร้างการเชื่อมโยงกับโน้ตอื่นๆ

- จัดหมวดหมู่ตามความเหมาะสม
.

2.4 การทบทวนและพัฒนา (Review & Develop)

สม่ำเสมอ (อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง) ใช้เวลาทบทวนและพัฒนาระบบ:

- อ่านโน้ตเก่าที่น่าสนใจ

- มองหาการเชื่อมโยงใหม่ๆ

- พัฒนาความคิดที่ยังไม่สมบูรณ์

- จัดระเบียบและปรับปรุงระบบ
.

2.5การสร้างการเชื่อมโยง

การเชื่อมโยงคือหัวใจของ Zettelkasten ทำได้หลายระดับ:
.
A การเชื่อมโยงโดยตรง

- โน้ต A เป็นที่มาของโน้ต B

- โน้ต A ขัดแย้งกับโน้ต B

- โน้ต A สนับสนุนโน้ต B
.
B การเชื่อมโยงแบบหลวม

- โน้ตที่มีแนวคิดคล้ายกัน

- โน้ตที่อยู่ในหัวข้อเดียวกัน

- โน้ตที่ใช้หลักการเดียวกัน
.
C การเชื่อมโยงข้ามบริบท

- นำแนวคิดจากด้านหนึ่งไปใช้อีกด้านหนึ่ง

- เปรียบเทียบปรากฏการณ์ที่คล้ายกัน

- สร้างการเชื่อมโยงที่ไม่เคยมีใครคิดมาก่อน
.
.
3. การนำไปใช้งานจริง

เมื่อต้องการใช้งาน ไม่ว่าจะเขียนบทความ เตรียมพรีเซนต์ หรือพัฒนาไอเดียใหม่:

1. เริ่มจากคำสำคัญที่เกี่ยวข้อง

2. ตามรอยการเชื่อมโยงที่น่าสนใจ

3. รวบรวมความคิดที่เกี่ยวข้อง

4. จัดเรียงให้เป็นระบบ

5. เติมเต็มส่วนที่ขาด

6. พัฒนาเป็นผลงานสมบูรณ์
.
.
========================
.
[ จากระบบสู่วิถีชีวิต ]
.
Zettelkasten ไม่ใช่แค่วิธีจดโน้ต แต่เป็นวิธีคิดที่จะเปลี่ยนชีวิตคุณ มันสอนให้เรา:

- เห็นคุณค่าในทุกความคิด

- เชื่อมั่นในกระบวนการเรียนรู้

- สนุกกับการพัฒนาตัวเอง

ระบบนี้ไม่ได้แค่ช่วยให้คุณทำงานได้มากขึ้น แต่มันจะเปลี่ยนวิธีที่คุณคิด เรียนรู้ และสร้างสรรค์ไปตลอดชีวิตครับ
.
.
=========================
.
[ 15 ประโยคจากหนังสือ How to Take Smart Notes ]
.
1. "One idea per note and force ourselves to be as precise and brief as possible. The restriction to one idea per note is the precondition to recombine them freely later."

"หนึ่งความคิดต่อหนึ่งโน้ต กระชับและชัดเจน นี่คือกุญแจสู่การผสมผสานความคิดอย่างอิสระในภายหลัง"
.
.
2. "Write exactly one note for each idea and write as if you were writing for someone else: Use full sentences, disclose your sources, make references."

"เขียนเหมือนกำลังเขียนให้คนอื่นอ่าน ใช้ประโยคสมบูรณ์ อ้างอิงที่มา"
.
.
3. "What all these category-confusing approaches have in common is that the benefit of note-taking decreases with the number of notes you keep."

"การจดโน้ตที่ปะปนหมวดหมู่ ยิ่งจดมาก ยิ่งไร้ประโยชน์"
.
.
4. "Permanent notes, on the other hand, are written in a way that can still be understood even when you have forgotten the context they are taken from."

"โน้ตถาวรต้องเข้าใจได้แม้ลืมบริบทเดิม"
.
.
5. "Fleeting notes are only useful if you review them within a day or so and turn them into proper notes you can use later."

"โน้ตชั่วคราวมีค่าเมื่อทบทวนภายในวันและแปลงเป็นโน้ตที่ใช้ได้จริง"
.
.
6. "The notes are no longer reminders of thoughts or ideas, but contain the actual thought or idea in written form."

"โน้ตไม่ใช่ตัวเตือนความคิด แต่เป็นความคิดที่ถูกถ่ายทอดเป็นตัวอักษร"
.
.
7. "What does help for true, useful learning is to connect a piece of information to as many meaningful contexts as possible."

"การเรียนรู้ที่แท้จริงคือการเชื่อมโยงข้อมูลกับบริบทที่หลากหลาย"
.
.
8. "Keywords should always be assigned with an eye towards the topics you are working on or interested in, never by looking at the note in isolation."

"กำหนดคำสำคัญโดยคำนึงถึงหัวข้อที่สนใจ ไม่ใช่ดูแค่เนื้อหาในโน้ต"
.
.
9. "When we take permanent notes, it is much more a form of thinking within the medium of writing and in dialogue with the already existing notes."

"การทำโน้ตถาวรคือการคิดผ่านการเขียน และสนทนากับโน้ตที่มีอยู่"
.
.
10. "The slip-box is not a collection of notes. Working with it is less about retrieving specific notes and more about being pointed to relevant facts."

"กล่องบัตรไม่ใช่ที่เก็บโน้ต แต่เป็นเข็มทิศนำทางสู่ความรู้ที่เกี่ยวข้อง"
.
.
11. "To be able to play with ideas, we first have to liberate them from their original context by means of abstraction."

"การเล่นกับความคิดต้องเริ่มจากการปลดปล่อยมันจากบริบทเดิม"
.
.
12. "These links can help us to find surprising connections between seemingly unrelated topics."

"การเชื่อมโยงช่วยให้เราพบความสัมพันธ์ที่น่าประหลาดใจระหว่างหัวข้อที่ดูไม่เกี่ยวกัน"
.
.
13. "Keep it very short, be extremely selective, and use your own words."

"สั้น กระชับ เลือกสรร และใช้ภาษาของตัวเอง"
.
.
14. "The slip-box provides an external scaffold to think in and helps with those tasks our brains are not very good at."

"กล่องบัตรเป็นโครงร่างภายนอกที่ช่วยในสิ่งที่สมองเราไม่ถนัด"
.
.
15. "The idea is not to collect, but to develop ideas, arguments and discussions."

"เป้าหมายไม่ใช่การสะสม แต่คือการพัฒนาความคิด ข้อถกเถียง และการอภิปราย"
.
==========================
.
ถ้าคุณบอกคนอื่นว่าคุณกำลัง "คุยกับกล่อง" เขาอาจคิดว่าคุณบ้าไปแล้ว แต่นั่นคือสิ่งที่ Luhmann ทำทุกวันเป็นเวลา 40 ปี จนสร้างผลงานที่เปลี่ยนโลก
.
ในปัจจุบันคนเริ่มหันมาสนใจระบบจดโน้ตด้วยมือแบบ Zettelkasten หรือสมองที่สองของนักคิด มากขึ้นเรื่อยๆ
.
อาจเป็นเพราะเราค้นพบว่า การมีข้อมูลมากมายไม่ได้ทำให้เราฉลาดขึ้น เหมือนการมีห้องสมุดใหญ่โตไม่ได้ทำให้เราเป็นนักปราชญ์
.
สิ่งที่ทำให้เราฉลาดขึ้นคือการคิด การเชื่อมโยง และการสร้างความรู้ใหม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ Zettelkasten ช่วยให้เราทำได้อย่างเป็นระบบนั่นเองครับ

.

.

.

.

#SuccessStrategies

บทความโดย Pond Apiwat Atichat เจ้าของเพจ SuccessStrategies

Previous
Previous

40 คำคมทรงพลังจาก Muhammad Ali

Next
Next

30 คำคมทรงพลังจาก โรเจอร์ เฟเดอเรอร์