เส้นทางแห่ง AI จุดกำเนิดปัญญาประดิษฐ์จากอดีตถึงปัจจุบัน
เส้นทางแห่ง AI จุดกำเนิดปัญญาประดิษฐ์จากอดีตถึงปัจจุบัน
.
1. [ จุดกำเนิดในเปลวเพลิงสงคราม (1939-1945) ]
.
ท่ามกลางควันปืนและเสียงระเบิดของสงครามโลกครั้งที่ 2 ในห้องทำงานเล็กๆ ที่ Bletchley Park อาคารหลังเก่าในชนบทอังกฤษ ชายหนุ่มร่างผอมสูงกำลังจดจ้องกระดาษที่เต็มไปด้วยตัวเลขและสัญลักษณ์ประหลาด นั่นคือ Alan Turing นักคณิตศาสตร์อัจฉริยะวัย 27 ปี ผู้กำลังเผชิญหน้ากับปริศนาที่ซับซ้อนที่สุดในประวัติศาสตร์ - การถอดรหัส Enigma ของนาซี
.
ทุกเช้าตรู่ เรือดำน้ำและกองทัพนาซีจะเปลี่ยนการตั้งค่ารหัสลับใหม่ ด้วยความเป็นไปได้มากกว่า 158 ล้านล้านล้านรูปแบบ การถอดรหัสด้วยมือเป็นไปไม่ได้เลย แต่ Turing มองเห็นบางสิ่ง - หากมนุษย์ไม่สามารถคำนวณได้ทัน ทำไมไม่สร้างเครื่องจักรที่คิดแทนมนุษย์ล่ะ?
.
เขาและทีมใช้เวลาหลายเดือนสร้างเครื่อง Bombe - เครื่องจักรยักษ์สูงเกือบสองเมตรที่มีล้อทองเหลืองหมุนวนไม่หยุด เสียงการทำงานของมันดังก้องไปทั่วห้อง "ติ๊ก-ต็อก-ติ๊ก-ต็อก" เหมือนนาฬิกายักษ์ที่กำลังนับถอยหลังสู่ชัยชนะ
.
Bombe ไม่ใช่แค่เครื่องถอดรหัส แต่เป็นคอมพิวเตอร์เครื่องแรกของโลกที่สามารถ "คิด" อย่างเป็นระบบ มันทดสอบความเป็นไปได้ทั้งหมดอย่างเป็นตรรกะ จนกว่าจะพบคำตอบที่ถูกต้อง ความสำเร็จของ Bombe ไม่เพียงช่วยย่นระยะเวลาสงครามให้สั้นลง 2-4 ปี แต่ยังจุดประกายความคิดที่ว่า - หากเครื่องจักรสามารถ "คิด" ได้ อะไรอีกบ้างที่มันจะทำได้?
.
.
-------------
.
2. [ การปฏิวัติด้วยทรานซิสเตอร์ (1947-1960) ]
.
17 ธันวาคม 1947 ในห้องแล็บของ Bell Labs นิวเจอร์ซีย์ บรรยากาศเต็มไปด้วยความตื่นเต้น Bill Shockley, John Bardeen และ Walter Brattain กำลังจะเปลี่ยนโลกด้วยชิ้นส่วนเล็กๆ ที่พวกเขาเพิ่งประดิษฐ์ขึ้น - ทรานซิสเตอร์
.
ตัวทรานซิสเตอร์แรกดูไม่น่าประทับใจเลย - แผ่นทองคำบางๆ วางบนแท่งเจอร์เมเนียม ติดกับแผ่นพลาสติกสามเหลี่ยม แต่มันทำในสิ่งที่ไม่มีใครคิดว่าเป็นไปได้ - ทำงานได้ดีกว่าหลอดสุญญากาศที่ใหญ่กว่า 100 เท่า ใช้พลังงานน้อยกว่า และไม่ร้อนจนระเบิด
.
Shockley มองเห็นโอกาสทางธุรกิจ เขาย้ายไปตั้งบริษัท Shockley Semiconductor ที่ Palo Alto - พื้นที่ชานเมืองเงียบๆ ที่ต่อมาจะกลายเป็นใจกลางของ Silicon Valley เขารวบรวมนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรที่ฉลาดที่สุด 12 คน รวมถึง Gordon Moore และ Robert Noyce
.
แต่แล้วเกิดเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด - "การทรยศของแปดคน" เมื่อพนักงาน 8 คนของ Shockley ลาออกไปตั้ง Fairchild Semiconductor ที่นั่นพวกเขาพัฒนาทรานซิสเตอร์จากซิลิคอน ซึ่งกลายเป็นมาตรฐานของอุตสาหกรรม และต่อมา Gordon Moore กับ Robert Noyce ก็แยกตัวออกมาตั้ง Intel - บริษัทที่จะปฏิวัติวงการคอมพิวเตอร์อีกครั้งด้วยไมโครโพรเซสเซอร์
.
.
------------
.
3. [ การประชุม Dartmouth และกำเนิด AI (1956) ]
.
ฤดูร้อนปี 1956 ที่มหาวิทยาลัย Dartmouth เมือง Hanover รัฐนิวแฮมป์เชียร์ John McCarthy นักวิจัยหนุ่มวัย 29 ปีกำลังนั่งอยู่ในห้องประชุมพร้อมกับนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำอีก 10 คน รวมถึง Marvin Minsky และ Claude Shannon
.
พวกเขาเชื่อว่าถึงเวลาแล้วที่จะสร้างเครื่องจักรที่ "คิดได้" - เครื่องจักรที่ไม่เพียงคำนวณตัวเลข แต่สามารถเรียนรู้และเข้าใจโลกเหมือนมนุษย์ McCarthy เรียกสิ่งนี้ว่า "Artificial Intelligence" - คำที่จะกลายเป็นชื่อของศาสตร์ใหม่ที่จะเปลี่ยนโลก
.
.
--------------
.
4. [ ยุคบุกเบิกแห่งความหวัง (1956-1969) ]
.
ความตื่นเต้นและความหวังเต็มเปี่ยมในยุคแรกของ AI เสมือนเด็กที่เพิ่งค้นพบของเล่นชิ้นใหม่ Frank Rosenblatt สร้าง Perceptron ในปี 1958 - อัลกอริทึมที่เลียนแบบการทำงานของเซลล์ประสาท มันสามารถเรียนรู้จากตัวอย่างและจำแนกรูปภาพง่ายๆ ได้
.
Arthur Samuel นักวิจัยที่ IBM ไม่พอใจที่จะสร้างโปรแกรมที่แค่ทำตามคำสั่ง เขาต้องการให้มันเรียนรู้ด้วยตัวเอง ในปี 1959 เขาพัฒนาโปรแกรมเล่นหมากฮอสที่เรียนรู้จากประสบการณ์ ยิ่งเล่นมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเก่งขึ้นเท่านั้น
.
ปี 1966 Joseph Weizenbaum แห่ง MIT สร้าง ELIZA - แชทบอทตัวแรกของโลกที่แสดงบทบาทเป็นนักจิตบำบัด แม้จะใช้เพียงเทคนิคการจับคู่รูปแบบและถามคำถามกลับ แต่ผลลัพธ์ทำให้ทุกคนตะลึง - ผู้คนเริ่มผูกพันกับ ELIZA ราวกับเป็นมนุษย์จริงๆ แม้แต่ Weizenbaum เองยังตกใจกับปฏิกิริยาของผู้ใช้ จนต้องเขียนหนังสือเตือนถึงขีดจำกัดของ AI
.
.
------------
.
5. [ ฤดูหนาวที่ยาวนาน (1970-1985) ]
.
ความฝันอันสวยงามในยุคแรกเริ่มจางหาย เมื่อ AI เผชิญกับความจริงอันโหดร้าย - โปรแกรมที่ทำงานได้ดีกับปัญหาง่ายๆ กลับล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่าเมื่อเจอปัญหาที่ซับซ้อนขึ้น เหมือนเด็กที่เพิ่งหัดเดิน พอจะวิ่งก็ล้มลุกคลุกคลาน
.
แต่ในความมืดมิดก็มีแสงสว่าง - ระบบผู้เชี่ยวชาญ (Expert Systems) ที่จำลองความรู้และการตัดสินใจของผู้เชี่ยวชาญมนุษย์ เริ่มแสดงคุณค่า XCON ช่วย Digital Equipment Corporation ประกอบคอมพิวเตอร์ ประหยัดเงินได้ราว 40 ล้านดอลลาร์ต่อปี DENDRAL วิเคราะห์โครงสร้างโมเลกุลได้แม่นยำ MYCIN วินิจฉัยโรคติดเชื้อและแนะนำยาปฏิชีวนะได้ดีกว่าแพทย์ทั่วไป
.
.
--------------
.
6. [ การฟื้นคืนชีพด้วย Neural Networks (1986-2006) ]
.
ปี 1986 Geoffrey Hinton, David Rumelhart และ Ronald Williams เผยแพร่บทความที่จะเปลี่ยนโลก AI ตลอดกาล - อัลกอริทึม backpropagation ที่ทำให้การฝึกฝนเครือข่ายประสาทเทียมหลายชั้นเป็นไปได้ เหมือนการค้นพบเข็มทิศในทะเลที่มืดมิด มันเปิดทางให้กับ deep learning ที่จะมาในอนาคต
.
ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่มาถึงในปี 1997 เมื่อ Deep Blue ของ IBM เอาชนะ Garry Kasparov แชมป์หมากรุกโลก ภาพ Kasparov นั่งก้มหน้าครุ่นคิดหน้ากระดานหมากรุก ขณะที่เครื่อง Deep Blue ประมวลผล 200 ล้านตำแหน่งต่อวินาที กลายเป็นภาพจำของการต่อสู้ระหว่างมนุษย์และเครื่องจักรที่จะตามหลอกหลอนผู้คนไปอีกนาน
.
.
-----------
.
7. [ ยุคปฏิวัติ AI (2006 - 2012]
.
ในห้องแล็บมหาวิทยาลัยโตรอนโต้ Geoffrey Hinton ค้นพบวิธีฝึกฝนเครือข่ายประสาทเทียมแบบลึกที่เลียนแบบการทำงานของสมองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
.
ในขณะเดียวกัน ที่สำนักงานใหญ่ของ NVIDIA ในซิลิคอนแวลลีย์ Jensen Huang กำลังเสี่ยงทุกอย่างที่มี เขาเชื่อว่าโลกต้องการพลังการประมวลผลมหาศาล และตัดสินใจพัฒนา GPU เฉพาะทาง แม้หลายคนจะมองว่าเป็นการเดิมพันที่บ้าบิ่น แต่ Huang ยืนกรานว่า "เราต้องสร้างสะพานก่อนที่แม่น้ำจะมา"
.
15 กันยายน 2012 ณ การแข่งขัน ImageNet ที่เมืองเอดินบะระ สกอตแลนด์ บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียด Alex Krizhevsky นักศึกษาปริญญาเอกของ Hinton กำลังจะนำเสนอผลงานที่พวกเขาตั้งชื่อว่า AlexNet
.
เมื่อผลการแข่งขันประกาศออกมา AlexNet มีความแม่นยำในการจำแนกภาพสูงถึง 84.7% ทิ้งห่างอันดับสองไปกว่า 10.8% นี่ไม่ใช่แค่ชัยชนะ แต่เป็นการพิสูจน์ว่า deep learning เหนือกว่าเทคนิคดั้งเดิมอย่างเทียบกันไม่ติด
.
.
------------
.
8. [ สงครามยักษ์ใหญ่: ศึกชิงอำนาจ AI (2014-2016) ]
.
ชัยชนะของ AlexNet จุดชนวนการแข่งขันที่จะเปลี่ยนโลก Google ทุ่มเงิน 500 ล้านดอลลาร์ซื้อ DeepMind สตาร์ทอัพ AI จากลอนดอน Facebook รีบตั้งทีมวิจัยและดึงตัว Yann LeCun ปรมาจารย์ด้าน deep learning มาเป็นหัวหน้า ขณะที่ Microsoft ประกาศทุ่มงบ "ไม่จำกัด" เพื่อพัฒนา AI
.
แต่การเคลื่อนไหวของ Google สร้างความไม่พอใจให้กับกลุ่มมหาเศรษฐีซิลิคอนวัลเลย์ Reid Hoffman, Peter Thiel และโดยเฉพาะ Elon Musk พวกเขากังวลว่าเทคโนโลยี AI ที่ทรงพลังจะถูกผูกขาดโดยบริษัทที่แสวงหากำไรเพียงไม่กี่แห่ง "เราเคยดูหนังพอที่จะรู้ว่าทำไมนั่นถึงเป็นไอเดียที่แย่" หนึ่งในพวกเขากล่าวติดตลก
.
ด้วยความกังวลนี้ Musk และพันธมิตรจึงก่อตั้ง OpenAI ขึ้นในฐานะองค์กรไม่แสวงหากำไร มุ่งพัฒนา AGI (Artificial General Intelligence) อย่างปลอดภัยและเปิดกว้าง แต่พวกเขาขาดสิ่งสำคัญ - ไม่มีใครในทีมเป็นอัจฉริยะด้าน AI
.
Musk จึงตัดสินใจใช้เสน่ห์ส่วนตัวดึงตัว Ilya Sutskever หนึ่งในผู้สร้าง AlexNet จาก Google มาร่วมทีม แม้จะต้องแลกด้วยมิตรภาพกับ Larry Page ซีอีโอ Google การสูญเสีย Sutskever ทำให้ Page โกรธมาก เขาเพิ่มงบให้ DeepMind สามเท่าทันที
.
การตอบโต้ของ Google ออกผลอย่างรวดเร็ว ในปี 2016 DeepMind สร้างประวัติศาสตร์เมื่อ AlphaGo เอาชนะ Lee Sedol แชมป์หมากล้อมโลก 4 ต่อ 1 เกม โดยเฉพาะในเกมที่ 4 ที่ AlphaGo ทำการเดินที่ 37 - การเดินที่ "ไม่ใช่แบบมนุษย์" แต่พิสูจน์แล้วว่ายอดเยี่ยม เป็นจุดที่โลกตระหนักว่า AI ไม่ได้แค่เลียนแบบมนุษย์อีกต่อไป แต่กำลังคิดค้นวิธีใหม่ๆ ที่มนุษย์ไม่เคยนึกถึง
.
.
-------------
.
9. [ การปฏิวัติภาษา (2017-2020) ]
.
ปี 2017 Google ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้วย "Transformer" - สถาปัตยกรรม AI ที่เข้าใจภาษาแบบองค์รวม แทนที่จะอ่านแบบเรียงคำ มันมองเห็นความสัมพันธ์ของคำทั้งประโยคพร้อมกัน เหมือนสมองมนุษย์
.
แต่ OpenAI มีแผนของตัวเอง พวกเขาต้องการสร้าง Eliza รุ่นใหม่ - แชทบอทที่ฉลาดกว่าที่เคยมีมา แต่ติดปัญหาใหญ่ - เงินทุน แม้จะมีมหาเศรษฐีอย่าง Musk เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง การฝึกฝน AI ต้องใช้เงินมหาศาล
.
Sam Altman ซีอีโอ OpenAI จึงตัดสินใจทำข้อตกลงกับ Microsoft เพื่อระดมทุน Musk ไม่เห็นด้วยอย่างรุนแรง ในมุมมองของเขา การทำแบบนี้ทำให้ OpenAI ผิดไปจากเป้าหมายเดิมที่จะเป็นองค์กร open source ความขัดแย้งนี้นำไปสู่การลาออกของ Musk และการขึ้นเป็นซีอีโอเต็มตัวของ Altman
.
ภายใต้การนำของ Altman OpenAI ได้เงินลงทุน 10,000 ล้านดอลลาร์จาก Microsoft พัฒนา GPT-2 และ GPT-3 ที่สร้างความฮือฮาด้วยความสามารถในการเขียนโค้ด แต่งบทความ และกวีนิพนธ์ได้
.
.
------------
.
10. [ ยุคทองแห่งการเข้าถึง: สงครามครั้งใหม่ (2022-ปัจจุบัน) ]
.
30 พฤศจิกายน 2022 OpenAI ปล่อยระเบิดลูกใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ AI - ChatGPT แชทบอทที่ "คุยเป็น" จนทำให้ผู้คนตะลึง ไม่ใช่แค่นักเทคโนโลยี แต่คุณยายที่เพิ่งหัดใช้สมาร์ทโฟนก็ใช้งานได้ ผลลัพธ์คือตัวเลขที่น่าทึ่ง 1 ล้านผู้ใช้ภายใน 5 วัน และพุ่งทะยานถึง 100 ล้านคนในเวลาเพียง 2 เดือน สถิติการเติบโตที่ไม่เคยมีแอพไหนทำได้มาก่อน
.
Microsoft รีบคว้าโอกาสทอง อัดฉีดเงิน 10,000 ล้านดอลลาร์เข้า OpenAI และผนวก GPT-4 เข้ากับ Bing ในความพยายามที่จะโค่นบัลลังก์ Google ที่ครองตลาดการค้นหามานานกว่า 20 ปี
.
Google ที่ถูกจับตามองว่า "ตามหลัง" ในสงครามครั้งนี้ รีบปล่อย Bard ออกมาตอบโต้ แม้จะเจอเสียงวิจารณ์ในช่วงแรก แต่พวกเขาก็พลิกเกมกลับมาด้วย Gemini ที่ทำให้โลกต้องตะลึงกับความสามารถที่เหนือชั้น
.
Meta ของ Mark Zuckerberg เลือกเล่นเกมต่างขั้ว ปล่อย LLaMA แบบ open source สร้างปรากฏการณ์ "AI ประชาธิปไตย" ให้นักพัฒนาทั่วโลกต่อยอดได้อย่างอิสระ ขณะที่ Anthropic เปิดตัว Claude ด้วยจุดยืน "AI ที่ปลอดภัยและมีจริยธรรม" จนได้รับความสนใจจาก Amazon ที่ทุ่มเงินกว่าพันล้านดอลลาร์เข้าลงทุน
.
ท่ามกลางสงครามยักษ์ใหญ่ การเดิมพันของ Jensen Huang แห่ง NVIDIA เมื่อ 17 ปีก่อน ที่หันมาผลิตชิป AI แทนการ์ดจอเกม พิสูจน์แล้วว่าถูกต้องอย่างงดงาม ณ ช่วงหนึ่ง NVIDIA ครองตลาดชิป AI 92% และก้าวขึ้นเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดของโลก ดูเหมือนว่าในสงคราม... พ่อค้าอาจเป็นผู้ชนะที่แท้จริง
.
.
.
.
บทความโดย Pond Apiwat Atichat เจ้าของเพจ SuccessStrategies
.