เติบโตในแบบของเรา เป็นตัวเองในแบบที่ใช่ ทำในสิ่งที่ดี

เติบโตในแบบของเรา เป็นตัวเองในแบบที่ใช่ ทำในสิ่งที่ดี
.
เคยสังเกตไหมครับว่า ในยุคที่ทุกคนพยายามจะเป็นใครสักคน เราก็มักจะหลงลืมตัวเองไปโดยไม่รู้ตัว เหมือนกับต้นไม้ที่พยายามจะเป็นก้อนหิน ทั้งที่ความงามของมันอยู่ที่การแตกใบ ผลิดอก และโอนอ่อนไปตามสายลม ในโลกที่เต็มไปด้วยการแข่งขันและความคาดหวัง
.
เราถูกกดดันให้ต้องสวมหน้ากากมากมาย จนบางครั้งก็ลืมไปว่าใบหน้าที่แท้จริงของเราเป็นอย่างไร
.
เราถูกกระหน่ำด้วยภาพลักษณ์ในอุดมคติจากทุกทิศทุกทาง ทั้งจากสื่อสังคมออนไลน์ โฆษณา และความคาดหวังของสังคม
.
เราเห็นภาพของความสำเร็จที่ถูกวาดไว้อย่างสวยหรู แต่บ่อยครั้งภาพเหล่านั้นกลับเป็นเพียงภาพลวงตาที่ทำให้เราหลงทาง จนลืมไปว่าความสำเร็จที่แท้จริงนั้นมีได้หลายรูปแบบ และไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร
.

---------------------------
.
ลองนึกถึงตอนที่เราเป็นเด็ก เวลาที่เราหัวเราะ มันเป็นเสียงหัวเราะที่บริสุทธิ์ที่สุด ไม่ต้องกังวลว่าใครจะมองยังไง ไม่ต้องคิดว่าเสียงของเราจะไพเราะพอไหม เราแค่หัวเราะเพราะมีความสุข แค่นั้นเอง
.
แต่เมื่อเวลาผ่านไป สังคมก็ค่อยๆ หล่อหลอมให้เราเชื่อว่า ทุกอย่างต้องมีกรอบ มีแบบแผน แม้แต่การแสดงออกถึงความสุขก็ต้องอยู่ในกรอบที่สังคมยอมรับ เราจึงค่อยๆ สูญเสียความเป็นธรรมชาติไป กลายเป็นคนที่ต้องคอยระมัดระวังตัว กลัวว่าจะทำอะไรผิดไปจากที่คนอื่นคาดหวัง
.
แต่ความจริงแล้ว ความงามของชีวิตอยู่ที่ความแตกต่างและความไม่สมบูรณ์แบบ เหมือนกับข้าวผัดจานโปรดที่คนรักของคุณทำ มันอาจจะไม่ได้จัดจานสวยเหมือนในร้านหรู ไม่ได้มีการแต่งแต้มซอสเป็นลวดลาย แต่รสชาติมันอร่อยที่สุดเพราะมันคือรสชาติที่แท้จริง ไม่ต้องปรุงแต่ง ไม่ต้องเสแสร้ง
.
เพราะความอร่อยไม่ได้อยู่ที่การจัดวาง แต่อยู่ที่ความตั้งใจและความรักที่ใส่ลงไปในทุกขั้นตอนการปรุง ชีวิตเราก็เช่นกัน บางทีความสวยงามมันก็อยู่ที่ความจริงแท้ ไม่ใช่ความสมบูรณ์แบบ
.

--------------------------
.
คุณอาจเคยเจอคนที่พยายามจะพูดให้เหมือนนักพูดมืออาชีพ เขาท่องจำวลีเด็ด ฝึกน้ำเสียง ฝึกท่าทาง แต่พอถึงเวลาจริงๆ กลับรู้สึกได้ว่ามันไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของเขา เหมือนกับดูหนังที่พากย์เสียงไม่เข้ากับปาก น่าเสียดายที่เขาลืมไปว่า…
.
เสน่ห์ที่แท้จริงของคนเราอยู่ที่ความเป็นธรรมชาติ อยู่ที่การกล้าเป็นตัวของตัวเอง การพูดที่มาจากใจและประสบการณ์จริงนั้นมีพลังมากกว่าคำพูดที่ท่องจำมาร้อยพันเท่า
.
การเรียนรู้ที่จะยอมรับและรักตัวเองนั้น เหมือนกับการปลูกต้นไม้ที่ต้องให้เวลามันเติบโตตามธรรมชาติ บางคนอาจจะโตเร็ว บางคนอาจจะโตช้า แต่ทุกต้นล้วนมีความงามในแบบของตัวเอง
.
การพัฒนาตัวเองไม่ได้หมายความว่าเราต้องเปลี่ยนแปลงจนไม่เหลือความเป็นตัวเอง เหมือนกับการปลูกต้นไม้ เราแค่รดน้ำ พรวนดิน ใส่ปุ๋ย แต่ไม่ได้พยายามจะเปลี่ยนให้มันกลายเป็นต้นไม้อีกชนิดหนึ่ง
.
เพราะความงามของมันอยู่ที่การเติบโตเป็นตัวของมันเอง การพัฒนาตนเองที่แท้จริงคือการค้นพบจุดแข็งและศักยภาพที่มีอยู่แล้วในตัวเรา แล้วค่อยๆ ขัดเกลาและเสริมสร้างให้แข็งแกร่งขึ้น ไม่ใช่การพยายามสร้างตัวตนใหม่ที่ไม่ใช่เรา
.

------------------------
.
ในการทำงาน เราอาจจะเห็นเพื่อนร่วมงานที่ประสบความสำเร็จด้วยวิธีการที่แตกต่างจากเรา บางคนอาจจะเก่งเรื่องการนำเสนอ บางคนอาจจะถนัดการวิเคราะห์ข้อมูล แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเราต้องเปลี่ยนตัวเองให้เหมือนพวกเขา
.
แทนที่จะพยายามเลียนแบบความสำเร็จของคนอื่น เราควรจะค้นหาวิธีการทำงานที่เหมาะกับตัวเรา และพัฒนามันให้ดียิ่งขึ้น
.
เพราะความแตกต่างนี่แหละที่ทำให้ทีมมีความสมบูรณ์ เหมือนกับดนตรีวงออเคสตร้าที่ต้องการเครื่องดนตรีหลากหลายชนิด ไม่ใช่เพียงไวโอลินทั้งวง
.
การเรียนรู้ที่จะยอมรับข้อจำกัดของตัวเองก็เป็นส่วนสำคัญของการเติบโต เราทุกคนมีทั้งจุดแข็งและจุดอ่อน มีทั้งวันที่ทำได้ดีและวันที่พลาดพลั้ง
.
การยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบของตัวเองไม่ได้หมายความว่าเราล้มเหลว แต่เป็นการเปิดโอกาสให้เราได้เรียนรู้และเติบโตอย่างเป็นธรรมชาติ เหมือนกับต้นไม้ที่ต้องผ่านทั้งแดดและฝน ผ่านทั้งลมพายุและความแห้งแล้ง แต่ทุกสภาวะล้วนมีส่วนในการหล่อหลอมให้มันแข็งแรงขึ้น
.

------------------------
.
ชีวิตที่ไม่ต้องปรุงแต่งไม่ได้หมายถึงชีวิตที่หยุดนิ่ง แต่เป็นชีวิตที่เติบโตอย่างเป็นธรรมชาติ เหมือนกับสายน้ำที่ไหลไปตามเส้นทางของมัน บางช่วงอาจจะไหลเชี่ยว บางช่วงอาจจะไหลช้า แต่ทุกหยดน้ำล้วนมีจุดหมายปลายทางของตัวเอง
.
การยอมรับและเข้าใจในตัวตนที่แท้จริงของเราจะช่วยให้เราสามารถนำพาชีวิตไปในทิศทางที่เหมาะสมกับเรามากที่สุดครับ
.

.

.

.

.

#SuccessStrategies

บทความโดย Pond Apiwat Atichat เจ้าของเพจ SuccessStrategies

Previous
Previous

25 ข้อคิดล้ำค่าจากหนังสือ Hell Yeah or No และ 25 คำคมจาก Derek Sivers: คนที่กล้าปฏิเสธทุกสิ่ง (ยกเว้นเรื่องที่เขาตอบ Hell Yeah!)

Next
Next

50 คำคมทรงพลังจาก Peter F. Drucker ผู้บริหารทรงประสิทธิผล