อิคิไก: ปรัชญาชีวิตแบบญี่ปุ่น ที่จะทำให้คุณอยากตื่นมาพบกับวันใหม่ (จากหนังสือ Awakening Your Ikigai เขียนโดย Ken Mogi)

อิคิไก: ปรัชญาชีวิตแบบญี่ปุ่น ที่จะทำให้คุณอยากตื่นมาพบกับวันใหม่ (จากหนังสือ Awakening Your Ikigai เขียนโดย Ken Mogi)
.
ลองนึกภาพว่าคุณกำลังยืนอยู่บนยอดภูเขาไฟฟูจิ ท่ามกลางสายหมอกยามเช้าที่พัดผ่านใบหน้า คุณสูดลมหายใจเข้าลึกๆ รู้สึกถึงความสดชื่นของอากาศบริสุทธิ์ และความงดงามของทิวทัศน์เบื้องหน้า ในขณะที่คุณกำลังดื่มด่ำกับช่วงเวลานี้ คุณรู้สึกถึงความสงบและความหมายบางอย่างที่แทรกซึมเข้าสู่จิตใจ นั่นแหละคือ "อิคิไก" ที่เราจะพูดถึงกันวันนี้
.
แต่เดี๋ยวก่อน! ก่อนที่คุณจะรีบจองตั๋วเครื่องบินไปญี่ปุ่นเพื่อไต่ภูเขาไฟฟูจิ เรามาทำความรู้จักกับแนวคิด "อิคิไก" กันให้ลึกกว่านี้ดีกว่า เพราะบางทีคุณอาจจะพบว่า อิคิไกของคุณอยู่ใกล้ตัวกว่าที่คิด อาจจะอยู่ในถ้วยกาแฟที่คุณจิบทุกเช้า หรือแม้แต่ในเสียงกรนของแฟนคุณที่ดังลั่นบ้านทุกคืนก็เป็นได้
.
.
อิคิไก คืออะไรกันแน่?
.
อิคิไก (Ikigai - 生き甲斐) เป็นคำในภาษาญี่ปุ่นที่มีความหมายลึกซึ้งมากกว่าที่เราจะแปลได้ในภาษาไทยหรืออังกฤษ แต่ถ้าจะให้อธิบายแบบง่ายๆ ก็คือ "เหตุผลในการมีชีวิตอยู่" หรือ "สิ่งที่ทำให้ชีวิตมีความหมาย" นั่นเอง
.
Ken Mogi นักประสาทวิทยาชาวญี่ปุ่นผู้เขียนหนังสือ "Awakening Your Ikigai" อธิบายว่า อิคิไกไม่ใช่แค่เรื่องใหญ่ๆ ในชีวิตเท่านั้น แต่มันสามารถเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวันได้ด้วย เหมือนกับที่เขากล่าวไว้ว่า:
.
"อิคิไกสามารถเป็นอะไรเล็กๆ หรือใหญ่ๆ ก็ได้ มันเป็นเหมือนสเปกตรัมที่สะท้อนความซับซ้อนของชีวิต เพื่อที่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอิคิไก คุณจำเป็นต้องเข้าใจว่าชีวิตนั้นซับซ้อนและอุดมสมบูรณ์แค่ไหน"
.
.
---------------------------
.
[ ห้าเสาหลักของอิคิไก -- สร้างปราสาทแห่งความหมายในชีวิต ]
.
.
เหมือนกับที่ปราสาทญี่ปุ่นต้องมีเสาหลักที่แข็งแรง อิคิไกก็มีห้าเสาหลักที่ Ken Mogi นำเสนอไว้ในหนังสือของเขา มาดูกันว่าแต่ละเสามีอะไรบ้าง:
.
1. เริ่มจากสิ่งเล็กๆ (Starting small)
.
เหมือนกับที่ต้นซากุระเริ่มจากเมล็ดเล็กๆ อิคิไกของคุณก็สามารถเริ่มจากสิ่งเล็กๆ ในชีวิตประจำวันได้ เช่น การชื่นชมกลิ่นกาแฟยามเช้า หรือความรู้สึกดีๆ เมื่อได้ช่วยเหลือเพื่อนบ้าน
.
ลองนึกถึงคุณยายที่ขายโอนิกิริ (ข้าวปั้นญี่ปุ่น) ข้างถนนในโตเกียว แม้ว่างานของเธออาจดูเล็กน้อยในสายตาคนอื่น แต่สำหรับเธอ การทำโอนิกิริที่อร่อยที่สุดและเห็นรอยยิ้มของลูกค้าคือความสุขและความภาคภูมิใจ นั่นคืออิคิไกของเธอ
.
.
2. ปล่อยวางตัวตน (Releasing yourself)
.
ลดการยึดติดกับ "ตัวฉัน ของฉัน" ลงบ้าง แล้วคุณจะพบว่า ชีวิตมีอะไรให้ชื่นชมมากกว่าที่คิด เหมือนกับที่พระเซนบอกว่า "ถ้วยชาของคุณเต็มแล้ว จะเติมอะไรลงไปอีกได้" ดังนั้น ลองปล่อยวางความคิดเก่าๆ แล้วเปิดใจรับสิ่งใหม่ๆ ดูบ้าง
.
ลองนึกถึงนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จคนหนึ่ง เขาตัดสินใจลาออกจากงานที่มั่นคงเพื่อไปเป็นอาสาสมัครสอนภาษาอังกฤษในชนบท เมื่อเขาปล่อยวางสถานะและความคาดหวังเดิมๆ เขากลับพบความสุขและความหมายใหม่ในชีวิต
.
.
3. ความกลมกลืนและความยั่งยืน (Harmony and sustainability)
.
ชาวญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับการอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืน ทั้งกับผู้อื่นและธรรมชาติ นี่คือเหตุผลที่พวกเขาสามารถอยู่ในอพาร์ตเมนต์ขนาด 20 ตารางเมตรได้โดยไม่รู้สึกอึดอัด หรืออาจจะอึดอัดนิดหน่อย แต่ก็ทนได้ เพราะอย่างน้อยก็ไม่ต้องเสียเวลาทำความสะอาดบ้านมาก
.
ตัวอย่างที่ดีคือระบบการแยกขยะของญี่ปุ่น ที่มีความซับซ้อนจนอาจทำให้นักท่องเที่ยวปวดหัว แต่สำหรับชาวญี่ปุ่น นี่คือวิถีชีวิตที่ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมและสร้างความกลมกลืนกับธรรมชาติ
.
.
4. ความสุขจากสิ่งเล็กน้อย (The joy of little things)
.
ความสุขไม่จำเป็นต้องมาจากการถูกลอตเตอรี่หรือได้เลื่อนตำแหน่ง บางทีมันอาจจะอยู่ในรอยยิ้มของคนแปลกหน้าที่คุณเจอบนรถไฟ หรือในเสียงนกร้องยามเช้าก็ได้
.
ลองนึกถึงพิธีชงชาของญี่ปุ่น ที่ให้ความสำคัญกับทุกรายละเอียด ตั้งแต่การเลือกถ้วยชา การจัดดอกไม้ ไปจนถึงท่าทางในการชงและดื่ม ทุกขั้นตอนล้วนเต็มไปด้วยความประณีตและความหมาย นี่คือตัวอย่างของการหาความสุขจากสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิต
.
.
5. อยู่กับปัจจุบันขณะ (Being in the here and now)
.
นี่คือเสาหลักที่สำคัญที่สุด การมีสติอยู่กับปัจจุบัน ไม่วิ่งหนีอดีตหรือกังวลกับอนาคตมากเกินไป เหมือนกับที่พระพุทธเจ้าสอนไว้ ไม่ใช่แค่ปรัชญาญี่ปุ่น แต่เป็นปรัชญาสากล
.
ตัวอย่างที่ดีคือศิลปะการจัดดอกไม้อิเคบานะของญี่ปุ่น ที่เน้นการอยู่กับปัจจุบันขณะ สังเกตความงามของดอกไม้แต่ละดอก และจัดวางอย่างมีสติ โดยไม่คิดถึงอดีตหรืออนาคต แต่ให้ความสำคัญกับความงามที่อยู่ตรงหน้าในขณะนั้น
.
ถ้าคุณสามารถสร้างปราสาทอิคิไกบนเสาหลักทั้งห้านี้ได้ รับรองว่าชีวิตคุณจะมั่นคงยิ่งกว่าปราสาทโอซาก้าเสียอีก (แต่ถ้าเกิดแผ่นดินไหว ก็ไม่รับประกันนะ)
.
.
-----------------------------------
.
[ การค้นหาอิคิไกของตนเอง ]
.
.
การค้นหาอิคิไกของตัวเองอาจจะฟังดูเหมือนงานที่ยากเย็นแสนเข็ญ แต่จริงๆ แล้ว มันไม่ได้ยากอย่างที่คิด Ken Mogi ได้ให้คำแนะนำไว้ดังนี้
.
1. มองหาในสิ่งเล็กๆ: อิคิไกของคุณอาจซ่อนอยู่ในกิจวัตรประจำวัน เช่น การรดน้ำต้นไม้ หรือการทำอาหารให้คนที่คุณรัก
.
2. ยอมรับตัวเอง: ไม่ต้องพยายามเป็นคนอื่น เพราะอิคิไกของคุณเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่มีใครเหมือนกัน
.
3. ฟังเสียงภายใน: บางครั้ง เราอาจหลงทางเพราะฟังเสียงคนอื่นมากเกินไป ลองฟังเสียงหัวใจตัวเองบ้าง มันอาจจะกระซิบบอกอิคิไกของคุณอยู่ก็ได้ แต่ถ้าได้ยินเสียงแปลกๆ มากเกินไป ก็ควรไปพบแพทย์นะครับ
.
4. ปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม: เหมือนต้นไม้ที่งอกงามในทุกสภาพอากาศ คุณก็สามารถค้นพบอิคิไกได้ในทุกสถานการณ์
.
5. รักษาความเป็นตัวของตัวเอง: แม้จะปรับตัว แต่ก็อย่าลืมรักษาแก่นแท้ของตัวเอง เพราะนั่นแหละคือที่มาของอิคิไกที่แท้จริง
.
การค้นหาอิคิไกไม่ใช่การวิ่งมาราธอน แต่เป็นการเดินเล่นในสวนซากุระ ไม่ต้องรีบ ค่อยๆ สังเกต ค่อยๆ ซึมซับ แล้วคุณจะพบว่า ดอกซากุระแห่งอิคิไกของคุณกำลังผลิบานอยู่ แต่อย่าเพิ่งรีบด่วนไปญี่ปุ่น เพราะซากุระบานแค่ปีละครั้งในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ถ้าไปผิดเวลา คุณอาจจะได้เจอแต่กิ่งไม้เปล่าๆแทน
.
.
-------------------------------
.
[ การปล่อยวางตัวตน ]
.
การปล่อยวางตัวตนเป็นแนวคิดที่สำคัญมากในปรัชญาญี่ปุ่น และเป็นส่วนสำคัญของอิคิไกด้วย แต่ก่อนที่คุณจะเริ่มกังวลว่าจะต้องลบโซเชียลมีเดียและทิ้งบัตรประชาชน ลองมาทำความเข้าใจกันก่อนว่าการปล่อยวางตัวตนหมายถึงอะไรกันแน่
.
Ken Mogi อธิบายว่า การปล่อยวางตัวตนไม่ใช่การปฏิเสธตัวเอง แต่เป็นการเปิดใจรับประสบการณ์ใหม่ๆ โดยไม่ยึดติดกับภาพลักษณ์หรือความคาดหวังที่เรามีต่อตัวเอง เหมือนกับที่เด็กๆ สามารถมีความสุขได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องกังวลว่าตัวเองเป็นใคร มีตำแหน่งอะไร หรือต้องทำตัวอย่างไร
.
การปล่อยวางตัวตนเป็นเหมือนการเปิดหน้าต่างให้ลมใหม่ๆ พัดเข้ามา นำพาโอกาสและมุมมองใหม่ๆ เข้ามาในชีวิต ทำให้คุณเห็นความเป็นไปได้ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน และอาจนำไปสู่การค้นพบอิคิไกที่แท้จริงของคุณ
.
.
---------------------------------
.
[ ความงามในความไม่สมบูรณ์แบบ ]
.
ในขณะที่โลกตะวันตกมักจะชื่นชมความสมบูรณ์แบบ ญี่ปุ่นกลับมีปรัชญา "วาบิ-ซาบิ" (Wabi-sabi) ที่เห็นความงามในความไม่สมบูรณ์แบบ ความเรียบง่าย และความไม่จีรัง แนวคิดนี้มีความเชื่อมโยงอย่างลึกซึ้งกับอิคิไก
.
ลองนึกถึงถ้วยชาที่มีรอยร้าวเล็กๆ สำหรับคนทั่วไป มันอาจดูเป็นของเสีย แต่สำหรับคนญี่ปุ่น รอยร้าวนั้นกลับเพิ่มคุณค่าและความงามให้กับถ้วยชา เพราะมันเป็นร่องรอยของประวัติศาสตร์และการใช้งาน
.
ในทำนองเดียวกัน อิคิไกของเราก็ไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบ มันอาจจะเป็นงานอดิเรกเล็กๆ น้อยๆ หรือความฝันที่ยังไม่สำเร็จ แต่สิ่งเหล่านี้ก็สามารถให้ความหมายและความสุขกับชีวิตเราได้
.
.
--------------------------------
.
[ อิคิไกกับการทำงาน ]
.
ในญี่ปุ่น การทำงานไม่ใช่แค่หน้าที่ แต่เป็นส่วนหนึ่งของการค้นหาความหมายในชีวิต แม้แต่คนที่เกษียณอายุแล้วก็ยังอยากทำงานต่อไป และไม่ใช่แค่เพราะค่าครองชีพสูง
.
แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าคุณต้องรักงานของคุณทุกวินาที อิคิไกในการทำงานอาจจะเป็นความภาคภูมิใจเล็กๆ น้อยๆ เช่น การได้ช่วยเหลือเพื่อนร่วมงาน หรือการทำงานเสร็จตามเดดไลน์
.
และถ้าคุณรู้สึกว่างานปัจจุบันไม่ใช่อิคิไกของคุณ ก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะญี่ปุ่นมีปรากฏการณ์ที่เรียกว่า "ดัตสึซาระ" (Datsusara) ซึ่งหมายถึงการออกจากงานประจำเพื่อไปทำในสิ่งที่รัก
.
แต่ก่อนที่คุณจะรีบส่งใบลาออก ลองถามตัวเองก่อนว่า คุณพร้อมที่จะเปลี่ยนจากการกินซูชิหน้าปลาดิบเป็นซูชิหน้าไข่เจียวหรือเปล่า? เพราะชีวิตหลังดัตสึซาระอาจจะไม่หรูหราเหมือนเดิม แต่อาจจะมีความสุขมากกว่าก็ได้
.
.
-----------------------------------
.
[ อิคิไกกับสุขภาพ ]
.
คุณเคยได้ยินคำพูดที่ว่า "การหัวเราะคือยาที่ดีที่สุด" ไหม? เอาล่ะ ตอนนี้ลองแทนที่ "การหัวเราะ" ด้วย "อิคิไก" ดูสิครับ
.
การมีอิคิไกในชีวิตไม่เพียงแต่ทำให้คุณมีความสุขเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีต่อสุขภาพด้วย! ตามการศึกษาที่มหาวิทยาลัยโทโฮคุในญี่ปุ่น ผู้ที่มีอิคิไกมีแนวโน้มที่จะมีอายุยืนยาวกว่า มีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดน้อยกว่า และมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า
.
แต่เดี๋ยวก่อน! อย่าเพิ่งคิดว่าอิคิไกเป็นยาวิเศษที่จะทำให้คุณอายุยืนถึง 150 ปีนะครับ ถ้าเป็นอย่างนั้น ญี่ปุ่นคงกลายเป็นดินแดนของมนุษย์อมตะไปแล้ว อิคิไกไม่ใช่ยาหรือวิตามินที่คุณกินเข้าไปแล้วจะได้ผลทันที แต่มันเป็นวิถีชีวิตที่ช่วยให้คุณมีเป้าหมาย มีแรงบันดาลใจ และมีความสุขในทุกๆ วัน
.
ลองนึกภาพคุณยายวัย 80 ที่ตื่นเช้ามาทำขนมปังเพื่อขายให้เพื่อนบ้าน แม้ว่าเธอจะไม่ได้รวยจากการขายขนมปัง แต่การได้พูดคุยกับลูกค้า ได้เห็นรอยยิ้มของพวกเขา และรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า นี่แหละคืออิคิไกของเธอ และมันช่วยให้เธอมีพลังที่จะมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุขและมีสุขภาพดี
.
แต่ถ้าคุณกำลังคิดจะเลิกกินยาแล้วหันมาหาอิคิไกแทน ขอให้คิดใหม่นะ! อิคิไกไม่ใช่ยาปฏิชีวนะ มันเป็นวิตามินเสริมให้ชีวิต ดังนั้น อย่าทิ้งยาที่หมอสั่ง แต่ลองหาอิคิไกควบคู่ไปด้วย รับรองว่าชีวิตจะสดใสกว่าเดิมแน่นอน
.
.
------------------------------------
.
[ ภาวะ Flow - เมื่อเวลาหยุดนิ่งและคุณลืมตัวเองไปชั่วขณะ ]
.
เคยมีช่วงเวลาที่คุณทำอะไรสักอย่างแล้วรู้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็วมาก จนแทบไม่รู้สึกตัว? นั่นแหละคือภาวะ Flow ที่ Mihaly Csikszentmihalyi นักจิตวิทยาชาวฮังการี-อเมริกันพูดถึง และมันมีความเชื่อมโยงกับอิคิไกอย่างลึกซึ้ง
.
ในภาวะ Flow คุณจะรู้สึกเหมือนกำลัง "อยู่ในโซน" จดจ่อกับสิ่งที่ทำอย่างเต็มที่ โดยไม่สนใจสิ่งรบกวนรอบข้าง ไม่กังวลกับเวลา และไม่คิดถึงตัวเอง คล้ายๆ กับตอนที่คุณกำลังเล่นเกมสนุกๆ หรือทำงานอดิเรกที่ชอบมากๆ จนลืมกินข้าว
.
Ken Mogi เชื่อว่าการเข้าถึงภาวะ Flow เป็นส่วนสำคัญของการมีอิคิไก เพราะมันทำให้เราสามารถทำสิ่งต่างๆ ด้วยความสุขและความพึงพอใจ โดยไม่ต้องคำนึงถึงรางวัลหรือการยอมรับจากภายนอก
.
ลองนึกถึงพ่อครัวซูชิที่ใช้เวลาหลายสิบปีฝึกฝนการปั้นข้าวและหั่นปลา เขาไม่ได้ทำเพื่อความมีชื่อเสียงหรือเงินทอง แต่ทำเพราะความรักและความภาคภูมิใจในงานฝีมือของตัวเอง นี่คือตัวอย่างของการมีอิคิไกและการเข้าถึงภาวะ Flow ในการทำงาน
.
แต่ระวัง! อย่าหลงเข้าสู่ภาวะ Flow มากเกินไปจนลืมโลกภายนอก เพราะถ้าคุณมัวแต่จดจ่อกับการทำซูชิจนลืมไปว่าร้านปิดตั้งแต่ 3 ชั่วโมงที่แล้ว นั่นไม่ใช่ Flow แล้ว แต่เป็นการ "ไหลไปกับกระแส" จนเกินไป!
.
.
---------------------------------
.
[ อิชิโงะ อิชิเอะ (一期一会): ทุกช่วงเวลาคือครั้งเดียวในชีวิต ]
.
แนวคิด "อิชิโงะ อิชิเอะ" (Ichigo Ichie) หรือ "หนึ่งช่วงเวลา หนึ่งการพบเจอ" เป็นหัวใจสำคัญของการเข้าถึงอิคิไก มันสอนให้เราเห็นคุณค่าของทุกๆ ช่วงเวลา เพราะทุกอย่างในชีวิตล้วนเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
.
ลองนึกภาพว่าคุณกำลังดื่มชาในพิธีชงชาญี่ปุ่น ทุกการเคลื่อนไหว ทุกรสชาติ ทุกกลิ่น ล้วนเป็นประสบการณ์เฉพาะของช่วงเวลานั้น ไม่มีวันที่จะเกิดขึ้นซ้ำอีก แม้ว่าคุณจะมาดื่มชาที่เดิมในวันพรุ่งนี้ มันก็จะเป็นคนละประสบการณ์
.
การตระหนักถึงความจริงข้อนี้ช่วยให้เราซาบซึ้งกับทุกช่วงเวลาในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยกับเพื่อน การทานอาหารมื้อพิเศษ หรือแม้แต่การเดินทางกลับบ้าน ทุกอย่างล้วนมีค่าและมีความหมาย
.
แต่อย่าเพิ่งกดดันตัวเองจนเกินไปนะ! ไม่ได้หมายความว่าคุณต้องทำให้ทุกวินาทีในชีวิตเป็นช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ บางทีการนอนดูซีรีส์ทั้งวันก็เป็น "อิชิโงะ อิชิเอะ" ในแบบของมันเหมือนกัน แต่ถ้าทำทุกวัน นั่นอาจจะเป็นสัญญาณว่าคุณควรหาอิคิไกใหม่ได้แล้ว
.
.
-----------------------------
.
[ บทส่งท้าย ]
.
.
เมื่อคุณได้เรียนรู้เกี่ยวกับอิคิไกแล้ว คุณอาจจะรู้สึกกดดันที่จะต้องค้นหา "อิคิไกที่แท้จริง" ของตัวเอง แต่จริงๆ แล้ว อิคิไกไม่ใช่สิ่งที่คุณจะค้นพบในวันเดียว มันเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นตลอดชีวิต
.
อิคิไกของคุณอาจเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา วันนี้มันอาจจะเป็นการทำอาหารให้ครอบครัว พรุ่งนี้อาจจะเป็นการเรียนภาษาใหม่ และในอีก 10 ปีข้างหน้า มันอาจจะเป็นการสอนหลานเล่นเปียโนก็ได้
.
สิ่งสำคัญคือการเปิดใจ มีสติ และพร้อมที่จะค้นพบความหมายในสิ่งเล็กๆ น้อยๆ รอบตัว อย่างที่ Ken Mogi บอกไว้ "อิคิไกเป็นสิ่งที่เปิดกว้างสำหรับทุกคน" ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่ ทำงานอะไร หรืออยู่ที่ไหนในโลก
.
แอดขอยกคำพูดของ Haruki Murakami นักเขียนชื่อดังชาวญี่ปุ่นที่ว่า "ความหมายของชีวิตคือการให้ความหมายกับชีวิต"
.
ไม่ว่าคุณจะกำลังทำอะไรอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการอ่านบทความนี้จนจบ (ขอบคุณมากครับ!) การชงกาแฟ หรือแม้แต่การล้างห้องน้ำ ขอให้รู้ไว้ว่า ทุกอย่างล้วนมีความหมาย และนั่นแหละคือ อิคิไกของคุณ
.
และถ้าคุณยังค้นหาอิคิไกของตัวเองไม่เจอ ก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะการค้นหาอิคิไกก็เป็นอิคิไกอย่างหนึ่งเหมือนกัน!
.
ขอให้ทุกคนค้นพบอิคิไกของตัวเอง และมีความสุขในทุกๆวันครับ (แม้จะเป็นวันทำงานก็ตาม)
.

.

.

.

#SuccessStrategies

บทความโดย Pond Apiwat Atichat เจ้าของเพจ SuccessStrategies

.

https://www.facebook.com/SuccessStrategiesOfficial

https://www.facebook.com/pond.atichat

Previous
Previous

32 แนวคิดลุ่มลึกจากหนังสือ Give and Take เขียนโดย Adam Grant เจาะลึกศาสตร์แห่งการให้ที่นำไปสู่ความสำเร็จ

Next
Next

40 บทเรียนทรงพลังจาก Nassim Nicholas Taleb และตำนาน The Bed of Procrustes