The 4-Hour Workweek: หนังสือในตำนานของ Tim Ferriss ที่กลับมาทรงพลังกว่าเดิมในยุค AI (แนวทาง Work-Life Smart ที่คุณต้องอ่านซ้ำในปี 2024)
The 4-Hour Workweek: หนังสือในตำนานของ Tim Ferriss ที่กลับมาทรงพลังกว่าเดิมในยุค AI (แนวทาง Work-Life Smart ที่คุณต้องอ่านซ้ำในปี 2024)
.
Timothy Ferriss ได้นำเสนอแนวคิดที่หลายคนอาจมองว่าเป็นไปไม่ได้ นั่นคือการทำงานเพียงสัปดาห์ละ 4 ชั่วโมง แต่มีรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าการทำงานแบบเดิมๆ เสียอีก
.
ลองจินตนาการดูครับ... คุณตื่นขึ้นมาในบ้านพักสุดสวยริมหาดที่บาหลี แดดอุ่นๆ ส่องผ่านหน้าต่าง เสียงคลื่นกระทบฝั่งเป็นดนตรีประกอบยามเช้า คุณจิบกาแฟพร้อมเปิดแล็ปท็อปเช็คอีเมล พบว่ายอดขายเมื่อคืนสร้างรายได้มากกว่าเงินเดือนที่คุณเคยได้ตอนทำงานประจำ ที่สำคัญ... คุณแทบไม่ต้องยุ่งกับการทำงานเลย เพราะทุกอย่างเป็นระบบอัตโนมัติ
.
ฟังดูเหมือนฝันเกินจริงใช่ไหมครับ? แต่นี่คือชีวิตจริงของ Tim
.
ก่อนที่จะไปทำความเข้าใจว่า Tim ทำได้อย่างไร เรามารู้จักตัวตนของเขาให้มากขึ้นกันก่อน เพราะประวัติของเขาจะทำให้คุณเข้าใจว่าทำไมเราควรฟังคำแนะนำของชายคนนี้
.
ประวัติคร่าวๆของ Tim Ferriss
.
- เป็นอาจารย์พิเศษที่มหาวิทยาลัย Princeton สอนเรื่อง "High-Tech Entrepreneurship" ทั้งที่จบแค่ปริญญาตรี
- คว้าแชมป์คิกบ็อกซิ่งระดับชาติของจีน หลังจากฝึกแค่ 6 เดือน
- เป็นนักเต้นแทงโก้ระดับแชมป์โลก ทั้งที่ก่อนหน้านั้นเต้นแทบไม่เป็น
- เป็นนักแสดง/นักเต้นใน MTV ที่ไต้หวัน
- เป็นที่ปรึกษาให้นักกีฬาโอลิมปิกกว่า 30 คน
.
แต่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาคือการค้นพบวิธีสร้างธุรกิจที่สร้างรายได้โดยอัตโนมัติ จนสามารถลดเวลาทำงานเหลือเพียงสัปดาห์ละ 4 ชั่วโมง Tim เรียกวิธีการนี้ว่า "สูตร D.E.A.L"
.
.
--------------------------------
.
[ D - Definition คือการนิยามความสำเร็จเสียใหม่ ]
.
D – Definition = นิยามใหม่ของความสำเร็จ
.
Tim แบ่งคนออกเป็นสองกลุ่มชัดเจน: "นักรอคอย" (Deferrers) กับ "คนรวยยุคใหม่" (New Rich)
.
นักรอคอยคือคนที่:
.
- เชื่อว่าต้องทำงานหนัก 40-50 ปี ถึงจะได้พักผ่อน
- ยอมแลกสุขภาพกับเงิน แล้วค่อยเอาเงินมาแลกสุขภาพตอนแก่
- วัดความสำเร็จจากจำนวนชั่วโมงทำงาน
- เก็บเงินซื้อของแพง แต่ไม่มีเวลาใช้
- ฝันถึงการเกษียณเร็ว แต่ไม่รู้จะทำอะไร
- เชื่อว่าต้องมีเงิน 8-9 หลักถึงจะมีชีวิตที่ดี
.
.
ในขณะที่ New Rich คิดและทำตรงข้ามกันสิ้นเชิง:
- ออกแบบชีวิตให้มีอิสระทั้งเรื่องเวลาและสถานที่
- สร้างระบบรายได้อัตโนมัติ ไม่ต้องแลกเวลากับเงินตลอดเวลา
- ใช้ประโยชน์จากความต่างของค่าเงินและค่าครองชีพ (Currency Arbitrage)
- กระจาย "mini-retirements" ไปตลอดชีวิต แทนที่จะรอเกษียณครั้งเดียว
- ทำงานน้อยแต่ฉลาด เน้นประสิทธิภาพ
- วัดความสำเร็จจากอิสรภาพในชีวิต ไม่ใช่ตัวเลขในบัญชี
.
.
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเข้าใจว่าพลังในการใช้เงินขึ้นอยู่กับ 4W...
.
1. What you do - ทำงานที่สร้างคุณค่าและทำจากที่ไหนก็ได้
2. When you do it - ยืดหยุ่นเรื่องเวลา ไม่ติดกรอบ 9-5
3. Where you do it - เลือกสถานที่ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์
4. Whom you do it with - เลือกได้ว่าจะทำงานกับใคร
.
นี่คือหัวใจสำคัญของการเป็น New Rich - ไม่ใช่แค่การหาเงินให้ได้มากที่สุด แต่เป็นการใช้เงินที่มีให้เกิดประโยชน์สูงสุด Tim ยกตัวอย่างว่าเขาเคยเช่าวิลล่าหรูในอาร์เจนตินา จ้างครูสอนเต้นแทงโก้ส่วนตัว และใช้ชีวิตแบบคนมีระดับ ด้วยเงินที่น้อยกว่าค่าเช่าอพาร์ตเมนต์ขนาดเล็กในซานฟรานซิสโก
.
.
------------------------------------------
.
[ E – Elimination ]
.
ส่วน E - Elimination คือการกำจัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป Tim เชื่อว่าคนเราใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับสิ่งที่ไม่สำคัญ เขาแนะนำให้ใช้กฎ 80/20 หรือ Pareto's Principle ที่บอกว่า 80% ของผลลัพธ์มาจากการกระทำเพียง 20%
.
ในการทำธุรกิจ อาจพบว่ารายได้ 80% มาจากลูกค้าเพียง 20% หรือปัญหา 80% เกิดจากลูกค้าแค่ 20% ดังนั้นแทนที่จะพยายามทำทุกอย่าง เราควรโฟกัสกับ 20% ที่สร้างผลลัพธ์มากที่สุด
.
และหลักการสำคัญคือกฎของ Parkinson ที่ว่า "งานจะขยายตัวเต็มเวลาที่มี" เหมือนแก๊สที่ขยายตัวเต็มภาชนะเสมอ
.
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด:
.
- ถ้าให้เวลาทำรายงาน 1 เดือน คนมักใช้เวลาเต็ม 1 เดือน
- แต่ถ้าให้เวลาแค่ 2 วัน งานก็มักเสร็จใน 2 วัน และบางทีคุณภาพอาจดีกว่าด้วยซ้ำ!
.
Tim จึงแนะนำให้:
.
- ตั้งเดดไลน์สั้นๆ เพื่อบังคับตัวเองให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
- ลดเวลาประชุมลงครึ่งหนึ่ง แล้วดูผลลัพธ์
- กำหนดช่วงเวลาทำงานให้ชัดเจน แทนที่จะปล่อยให้งานคืบคลานเข้ามาในชีวิตส่วนตัว
.
นอกจากนี้ Tim ยังแนะนำให้ทำ "Low-Information Diet" หรือ "ไดเอทข้อมูล":
.
- เลิกเสพข่าวที่ควบคุมไม่ได้
- เช็คอีเมลแค่วันละ 2 ครั้ง
- ปิดการแจ้งเตือนทุกอย่างในมือถือ
- อ่านแต่ข้อมูลที่จำเป็นต่อเป้าหมายระยะสั้น
.
.
--------------------------------------
.
[ A – Automation ]
.
ส่วน A - Automation คือหัวใจสำคัญของการทำงานแค่สัปดาห์ละ 4 ชั่วโมง Tim เล่าประสบการณ์ตรงว่าเขาเคยทำธุรกิจอาหารเสริมที่ต้องทำงาน 80 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ จนกระทั่งเขาค้นพบวิธีทำให้ทุกอย่างเป็นระบบอัตโนมัติ
.
หลักการสร้างธุรกิจแบบอัตโนมัติ:
.
1. ต้องทดสอบไอเดียด้วยเงินไม่เกิน 500 ดอลลาร์
2. ทำให้เป็นระบบอัตโนมัติได้ภายใน 4 สัปดาห์
3. ใช้เวลาดูแลไม่เกิน 1 วันต่อสัปดาห์
.
ตัวอย่างธุรกิจที่ Tim แนะนำ:
.
- ขายผลิตภัณฑ์ดิจิทัล (หนังสือ คอร์สออนไลน์)
- ขายสินค้าผ่าน Dropshipping
- สร้างแพลตฟอร์มที่สร้างรายได้ต่อเนื่อง
- ให้คำปรึกษาออนไลน์แบบกลุ่ม
.
เคล็ดลับสำคัญคือ "การจ้างงานที่ถูกต้อง":
.
- จ้าง Virtual Assistant จากประเทศที่ค่าแรงถูกกว่า
- ใช้ระบบอัตโนมัติจัดการงานซ้ำๆ
- สร้างระบบที่คนอื่นทำแทนเราได้
.
Tim เล่าประสบการณ์ตรงว่า เขาเคยทำธุรกิจอาหารเสริมที่ต้องทำงาน 80 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ แต่หลังจากใช้ระบบอัตโนมัติและจ้างคนที่ใช่ เขาลดเวลาทำงานเหลือแค่ 4 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ แถมกำไรยังเพิ่มขึ้น 40%!
.
ขั้นตอนการทำให้ธุรกิจอัตโนมัติ:
.
1. บันทึกทุกขั้นตอนการทำงานอย่างละเอียด
2. หาคนที่เหมาะสมมาทำแต่ละขั้นตอน
3. สร้างระบบตรวจสอบคุณภาพ
4. ค่อยๆ ปล่อยมือจากการทำงานประจำวัน
.
"แต่ผมยังเป็นมนุษย์เงินเดือนอยู่เลย จะทำยังไง?"
.
Tim มีคำตอบ... นั่นคือ L - Liberation หรือการปลดปล่อยตัวเองจากงานประจำ
.
.
-------------------------------------------
.
[ L – Liberation ]
.
สำหรับคนที่ยังทำงานประจำอยู่ Tim มีคำแนะนำในส่วน L - Liberation หรือการปลดปล่อยตัวเองจากพันธนาการของงานประจำ เขาบอกว่าอย่าลาออกทันที แต่ให้ค่อยๆ เปลี่ยนผ่านด้วยการทำงานระยะไกล (Remote Work) ก่อน
.
วิธีเปลี่ยนจากงานประจำเป็น Remote Work:
.
1. สร้างความจำเป็น
- ทำตัวให้มีค่าจนบริษัทขาดคุณไม่ได้
- พัฒนาทักษะที่ไม่มีใครทดแทนได้ง่ายๆ
- สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าสำคัญ
.
2. พิสูจน์ว่า WFH ได้ผลดีกว่า
- "ป่วย" สัก 2 วัน แล้วทำงานจากบ้าน
- แสดงให้เห็นว่าผลงานดีขึ้น
- เก็บสถิติประสิทธิภาพการทำงานไว้เป็นหลักฐาน
.
3. ขยายวัน Remote Work ทีละนิด
- เริ่มจาก 1 วันต่อสัปดาห์
- เพิ่มเป็น 2-3 วัน
- สุดท้ายคือทำงานจากที่ไหนก็ได้ในโลก
.
.
---------------------------------------
.
[ Mini-Retirements ]
.
แนวคิดที่น่าสนใจอีกอย่างคือ "Mini-Retirements" หรือการแบ่งช่วงเกษียณมาใช้ตั้งแต่ตอนนี้ แทนที่จะรอจนแก่...
.
Mini-Retirements ไม่ใช่การพักร้อนธรรมดา แต่เป็นการใช้ชีวิตในที่ใหม่ๆ เป็นเวลา 1-6 เดือน Tim เชื่อว่าการรอเกษียณตอนอายุ 65 นั้นไม่ฉลาด เพราะเราไม่มีทางรู้ว่าจะมีสุขภาพดีพอที่จะทำในสิ่งที่ฝันไว้หรือไม่
.
เขายกตัวอย่างประสบการณ์ Mini-Retirement ของตัวเอง เช่น การใช้ชีวิต 3 เดือนในบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ที่นั่นเขาเรียนเต้นแทงโก้ เขียนหนังสือ และค้นพบว่าการใช้ชีวิตในต่างประเทศไม่ได้แพงอย่างที่คิด บางครั้งถูกกว่าอยู่ที่บ้านเสียอีก
.
Tim แนะนำให้ใช้หลัก "Geographic Arbitrage" หรือการใช้ประโยชน์จากความแตกต่างของค่าครองชีพ เช่น การรับงานจากประเทศที่มีค่าจ้างสูงอย่างอเมริกาหรือยุโรป แต่ไปใช้ชีวิตในประเทศที่ค่าครองชีพต่ำกว่า เช่น ไทย เวียดนาม หรืออินโดนีเซีย
.
เขาเล่าตัวอย่างที่น่าสนใจว่า ด้วยรายได้เพียงเดือนละ 3,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 100,000 บาท) เขาสามารถใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในหลายประเทศทั่วโลก มีเงินพอจะเรียนภาษาใหม่ ท่องเที่ยว และยังเก็บออมได้อีก ในขณะที่เพื่อนที่ทำงานในนิวยอร์กที่ได้เงินเดือนมากกว่า กลับแทบไม่มีเงินเหลือเก็บ
.
แต่ Tim เตือนว่า การทำ Mini-Retirement ไม่ใช่การหนีปัญหา แต่เป็นโอกาสในการค้นพบตัวเองและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ...
.
Tim เน้นย้ำว่าการทำ Mini-Retirement ต้องมีการวางแผนที่ดี เขาแนะนำขั้นตอนดังนี้:
.
1. เก็บเงินให้พอใช้อย่างน้อย 6 เดือน
2. เลือกสถานที่ที่มีค่าครองชีพเหมาะสม
3. วางแผนกิจกรรมที่อยากทำ เช่น เรียนภาษา ฝึกทักษะใหม่
4. สร้างรายได้แบบ Passive Income ไว้ก่อน
5. เตรียมแผนสำรองหากมีเหตุฉุกเฉิน
.
สิ่งที่น่าสนใจคือ Tim พบว่าหลายคนที่ลองทำ Mini-Retirement กลับมาพร้อมไอเดียธุรกิจใหม่ๆ บางคนเจอโอกาสทางธุรกิจในต่างประเทศ บางคนค้นพบความชอบที่นำไปสู่อาชีพใหม่
.
สรุปความสำเร็จในมุมมองของ Tim วัดที่อิสรภาพในการใช้ชีวิต การมีเวลาทำในสิ่งที่รัก และการได้ใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย หนังสือเล่มนี้ไม่ได้สอนให้เราหลีกหนีจากการทำงาน แต่สอนให้เราทำงานอย่างฉลาด ใช้เทคโนโลยีและระบบให้เป็นประโยชน์ครับ
.
.
------------------------------------
.
[ บทส่งท้ายก่อนจะพุ่งทะยานสู่ชีวิต 4 ชั่วโมง ]
.
ก่อนที่คุณจะรีบลาออกจากงานแล้วจองตั๋วเครื่องบินไปบาหลีในพรุ่งนี้...
.
แนวคิดของ Tim แม้จะยอดเยี่ยม แต่ต้องปรับให้เข้ากับบริบทชีวิตคุณ เหมือนการเริ่มกินอาหารคลีน
.
จำนวนชั่วโมงการทำงานไม่ใช่ตัวชี้วัดเพียงอย่างเดียว จะ 4 ชั่วโมง 40 ชั่วโมง หรือ 400 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ (ถ้าคุณอยู่คนละจักรวาลกับแอด) ก็ไม่ใช่ประเด็น ถ้าคุณรักในสิ่งที่ทำ มีไฟในการสร้างสรรค์ และสามารถจัดสรรเวลาให้ลงตัวกับทุกด้านของชีวิต
.
เพราะบางคนอาจมีความสุขกับการทุ่มเทให้งาน เหมือนคนดู Netflix ทั้งคืนโดยไม่รู้สึกเหนื่อย ในขณะที่บางคนอาจต้องการเวลาว่างเยอะๆ เพื่อตามล่าหาความฝันอย่างอื่น ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว มีแต่สูตรที่เหมาะสำหรับตัวคุณเองเท่านั้นครับ
.
.
.
.
บทความโดย Pond Apiwat Atichat เจ้าของเพจ SuccessStrategies
.