เล่าเทคนิคการเรียนปริญญา - แบบควบมากกว่าหนึ่งมหาวิทยาลัย Apiwat’s Journal EP. 3

🎓10 เทคนิคในการเรียนปริญญาหลายใบพร้อมกัน🎓

.

วันนี้แอดจะมาแชร์เคล็ดลับการเรียนปริญญาตรีสองใบไปพร้อมๆกันแบบสุดเหวี่ยง เพราะใครๆ ก็รู้ว่าการเรียนปริญญาทีละใบมันง่ายเกินไป เราต้องเพิ่มดีกรีความโหดดิบให้ชีวิตหน่อย!  (จริงๆ แล้วแอดเรียนมากกว่านั้นอีกนะ แต่มันจะเหมือนกำลังสอนวิธีการเอาชีวิตรอดบนดาวอังคาร ซึ่งอาจจะเกินความต้องการของมนุษย์โลกทั่วไป)

.

แอดเรียนปริญญาตรีนิติศาสตร์ (คณะเดียว)

.

ต่อจากนั้นแอดเรียนปริญญาตรีเศรษฐศาสตร์ ควบ ศิลปศาสตร์-สื่อสารมวลชน และเก็บหน่วยกิตปริญญาโทบริหารธุรกิจครับ (และมีลงเรียนหลักสูตรต่างประเทศที่ Coursera อีกจำนวนหนึ่ง แต่เป็นคอร์สสั้นๆ) ซึ่งทั้งหมดนี้แอดทำพร้อมกัน ไปพร้อมๆกับทำงาน

(สำหรับเรื่องการทำงาน อ่านได้ที่ (Apiwat’s Journal EP. 2) เป็นปฐมบทครับ ใน Apiwat’s Journal แอดจะลงเรื่องการทำงานเป็นระยะๆ ต่อเนื่องกันหลาย EP)  

.

หมายเหตุ: ขอบอกก่อนว่า เทคนิคเรียนควบสไตล์บ้าระห่ำแบบนี้ อาจไม่เหมาะกับทุกคนหรือทุกสาขาวิชา โดยเฉพาะคณะที่ต้องการความทุ่มเท การเก็บชั่วโมงอย่างเข้มข้น และไม่ต้องการให้เกิดข้อผิดพลาดร้ายแรง เช่น แพทยศาสตร์  เว้นแต่คุณอยากเป็นหมอที่สามารถวินิจฉัยโรคและเขียนพินัยกรรมให้คนไข้ได้ในคราวเดียวกัน

.

.

-------------------------

.

1. 🧠 เรียนด้วยความเข้าใจ ไม่ใช่แค่ท่องจำ (แต่ถ้าท่องได้ก็เอา!)

.

ใครบอกว่าการเรียนต้องใช้สมอง? แอดขอแย้งครับ! การเรียนต้องใช้ทั้งสมอง หัวใจ และความอดทนระดับเทพเจ้า! 🏋️‍♂️ แทนที่จะท่องจำแบบนกแก้วนกขุนทอง เรามาลองทำความเข้าใจกับเนื้อหากันดีกว่า

.

เทคนิคที่มีประสิทธิภาพคือการสอนกลับ (Teach Back Method) ถ้าคุณสอนเป็น ให้ลองอธิบายสิ่งที่เรียนให้คนอื่นฟัง แต่ถ้าคุณเป็นคนขี้อายให้ใช้เทคนิคการเชื่อมโยงความรู้ (Elaborative Rehearsal) โดยเชื่อมโยงข้อมูลใหม่กับสิ่งที่คุณรู้อยู่แล้ว จะช่วยให้จำได้ดีขึ้น

.

แต่อย่าลืมนะครับ แนวข้อสอบก็สำคัญ! ลองนึกภาพว่าคุณเป็นนักสืบกำลังไขคดีปริศนาข้อสอบ 🕵️‍♂️ แนวข้อสอบคือเบาะแสชั้นดี ใช้มันให้เป็นประโยชน์ แต่อย่าไปพึ่งพิงมันมากไป เพราะจุดประสงค์คือให้คุณเรียนเพื่อไปใช้ในชีวิตจริงที่อยู่นอกห้องสอบ!

.

----------------------

.

2. 📚 อ่านขอบเขตเนื้อหาและจุดประสงค์การเรียนรู้

.

การอ่านคำอธิบายรายวิชา (Course Syllabus) อย่างละเอียด ทำความเข้าใจว่าแต่ละวิชาต้องการให้คุณเรียนรู้อะไร และมีทักษะอะไรบ้างที่ต้องพัฒนา

.

จากนั้น สร้างแผนที่ความคิด (Mind Map) หรือโครงร่าง (Outline) ของเนื้อหาทั้งหมด วิธีนี้จะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมของการเรียนและเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างหัวข้อต่างๆ ได้ดีขึ้น

.

คิดซะว่าคุณกำลังเล่นเกมส์ RPG สุดมันส์ ขอบเขตเนื้อหาคือแผนที่ของคุณ จุดประสงค์การเรียนรู้คือเควสต์ที่ต้องทำให้สำเร็จ 🎮 แต่ระวัง บางทีอาจารย์ก็ชอบใส่ดันเจี้ยนลับไว้ในข้อสอบ 💪

.

--------------------------

.

3. 🧩 เรียนให้จบเป็นชุด - อย่าเล่นงานตัวเองด้วยการสลับวิชา!

.

การจัดการเรียนรู้เป็นโมดูลหรือชุดความรู้เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงในการเรียนหลายปริญญาพร้อมกัน

.

แทนที่จะกระโดดไปมาระหว่างวิชา ลองแบ่งการเรียนเป็นช่วงๆ โดยมุ่งเน้นที่หนึ่งหรือสองวิชาในแต่ละช่วงเวลา เช่น ทุ่มเทกับวิชาเศรษฐศาสตร์จุลภาคเป็นเวลาสองสัปดาห์ ก่อนจะย้ายไปเรียนวิชาสถิติในสองสัปดาห์ถัดไป

.

วิธีนี้จะช่วยให้สมองของคุณโฟกัสกับเนื้อหาได้ดีขึ้น และลดความสับสนที่อาจเกิดจากการเรียนหลายวิชาพร้อมกัน

.

อย่างไรก็ตาม ต้องระวังไม่ให้ทิ้งช่วงระหว่างการเรียนแต่ละวิชานานเกินไป คุณอาจใช้เทคนิคการทบทวนแบบช่วง (Spaced Repetition) โดยกลับมาทบทวนเนื้อหาเก่าเป็นระยะๆ เพื่อรักษาความรู้ไว้ในความทรงจำระยะยาว

.

การวางแผนการเรียนล่วงหน้าก็เป็นสิ่งสำคัญ ใช้ปฏิทินการศึกษาเพื่อกำหนดช่วงเวลาสำหรับแต่ละวิชา และอย่าลืมเผื่อเวลาสำหรับการทบทวนและทำงานที่ได้รับมอบหมายด้วย

.

สรุปก็คือ… เรียนให้จบเป็นชุดดีกว่าครับ เหมือนดูซีรีส์ Netflix จบทีละเรื่อง ไม่ใช่ดูพร้อมกัน 10 เรื่องแล้วงงว่าตัวละครไหนอยู่เรื่องอะไร 🍿

.

---------------------

.

4. 🎧 เปลี่ยนบรรยากาศการเรียนรู้

.

การใช้สื่อการเรียนรู้ที่หลากหลายไม่เพียงแต่จะช่วยลดความเบื่อหน่าย แต่ยังเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้อีกด้วย

.

นอกจากการอ่านตำรา ลองฟังพอดคาสต์ทางวิชาการ ดูวิดีโอบรรยาย หรือเข้าร่วมกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่คุณกำลังเรียน วิธีนี้จะช่วยให้คุณได้รับมุมมองที่หลากหลายและเข้าใจเนื้อหาได้ลึกซึ้งขึ้น

.

การฟังบรรยายระหว่างทำกิจกรรมอื่นๆ เช่น ออกกำลังกายหรือทำงานบ้าน สามารถช่วยประหยัดเวลาได้ แต่ต้องแน่ใจว่าคุณยังคงมีสมาธิกับเนื้อหา

.

เทคนิค "การเรียนรู้แบบดูดซึม" (Immersive Learning) โดยการสร้างสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยเนื้อหาที่คุณกำลังเรียน เช่น ติดโน้ตความรู้รอบห้อง หรือตั้งวอลล์เปเปอร์โทรศัพท์เป็นแผนภาพหรือสูตรสำคัญ สามารถช่วยให้คุณซึมซับความรู้ได้ตลอดเวลา

.

อย่างไรก็ตาม ต้องระวังไม่ให้เกิดภาวะ "ข้อมูลท่วมท้น" (Information Overload) ให้แน่ใจว่าคุณมีเวลาประมวลผลและทบทวนสิ่งที่เรียนรู้อย่างเพียงพอครับ

.

--------------------------------

.

5. 📝 สรุปเฉพาะที่จำเป็น (ไม่ใช่ทุกอย่างต้องจด!)

.

การจดบันทึกที่มีประสิทธิภาพเป็นทักษะสำคัญสำหรับการเรียนหลายปริญญา แต่ไม่จำเป็นต้องจดทุกคำที่อาจารย์พูด

.

แบ่งหน้ากระดาษออกเป็นสามส่วน: ส่วนหลักสำหรับจดบันทึก ส่วนด้านซ้ายสำหรับคำถามหรือคำสำคัญ และส่วนด้านล่างสำหรับสรุป วิธีนี้จะช่วยให้คุณจัดระเบียบข้อมูลและทบทวนได้ง่ายขึ้น

.

การใช้ Mind Mapping ในการจดบันทึกก็เป็นอีกวิธีที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะสำหรับการเชื่อมโยงแนวคิดต่างๆ เข้าด้วยกัน

.

ฝึกฝนการจับประเด็นสำคัญและเขียนด้วยคำพูดของตัวเอง นอกจากจะช่วยย่อข้อมูลแล้ว ยังเป็นการตรวจสอบความเข้าใจของคุณไปในตัว

.

หลังจากจดบันทึก อย่าลืมทบทวนและปรับปรุงบันทึกของคุณภายใน 24 ชั่วโมง เพื่อเสริมความเข้าใจและความจำ

.

แอดเคยพยายามจดทุกคำที่อาจารย์พูด ผลลัพธ์คือ สมุดบันทึกยาวเป็นกิโลเมตรที่อ่านไม่ออกแม้แต่ตัวเอง 🤦‍♂️

.

จดแต่ประเด็นสำคัญดีกว่าครับ คิดซะว่าคุณเป็นสายลับที่ต้องจับประเด็นสำคัญ ไม่ใช่เครื่องบันทึกเสียงที่อัดทุกอย่าง 🕴️

.

----------------------------------

.

6. 🔍 จับคอนเซปต์ก่อนรายละเอียด - มองภาพใหญ่ก่อนซูมเข้าไป

.

การเข้าใจภาพรวมก่อนลงลึกในรายละเอียดเป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงในการเรียนหลายปริญญาพร้อมกัน

เริ่มต้นด้วยการอ่านบทสรุปหรือบทนำของแต่ละบท เพื่อให้เข้าใจแนวคิดหลักและโครงสร้างของเนื้อหา จากนั้นค่อยๆ ลงลึกในแต่ละหัวข้อ วิธีนี้จะช่วยให้คุณเห็นความเชื่อมโยงระหว่างแนวคิดต่างๆ ได้ดีขึ้น

ใช้เทคนิค "การอ่านแบบสำรวจ" (SQ3R: Survey, Question, Read, Recite, Review) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการอ่านและทำความเข้าใจเนื้อหา

สร้างแผนภูมิหรือไดอะแกรมเพื่อแสดงความสัมพันธ์ระหว่างแนวคิดต่างๆ วิธีนี้จะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมและจดจำเนื้อหาได้ดีขึ้นครับ

สรุปก็คือ การเข้าใจคอนเซปต์หลักอย่างถ่องแท้จะช่วยให้คุณเรียนรู้รายละเอียดได้เร็วขึ้นและจำได้นานขึ้น

.

------------------------------------

.

7. 🧠 ศึกษาวิทยาศาสตร์สมอง: กุญแจสำคัญสู่การเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ

.

ข้อนี้สำคัญมาก เป็นความแตกต่างอย่างยิ่งระหว่างคนที่รู้กับไม่รู้ การเข้าใจกระบวนการจดจำของสมองจะช่วยให้คุณเรียนรู้และจดจำได้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

.

1. กระบวนการจดจำของสมอง:

   - ความจำระยะสั้น: สมองสามารถเก็บข้อมูลได้ประมาณ 15-30 วินาที

   - ความจำระยะกลาง: ข้อมูลอยู่ได้ประมาณ 2-3 ชั่วโมง

   - ความจำระยะยาว: ข้อมูลสามารถอยู่ได้เป็นวัน เดือน หรือปี

.

2. การจดจำข้อมูลแต่ละครั้ง:

   - ครั้งแรก: จำได้ประมาณ 1-2 วัน

   - ครั้งที่สอง (ภายใน 24 ชั่วโมง): จำได้ประมาณ 1 สัปดาห์

   - ครั้งที่สาม (ภายใน 1 สัปดาห์): จำได้ประมาณ 1 เดือน

   - ครั้งที่สี่ (ภายใน 1 เดือน): จำได้ประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี

.

3. เทคนิคการเพิ่มประสิทธิภาพการจำและความเข้าใจ:

   - ใช้เทคนิคการทบทวนแบบช่วง (Spaced Repetition): ทบทวนบ่อยๆ ในช่วงแรก แล้วค่อยๆ เพิ่มระยะห่างของการทบทวน

   - สร้างความเชื่อมโยง: เชื่อมโยงข้อมูลใหม่กับสิ่งที่รู้อยู่แล้ว

   - ใช้เทคนิคการจำแบบ Active Recall: พยายามนึกข้อมูลออกมาเอง ไม่ใช่แค่อ่านซ้ำ

   - ฝึกอธิบายให้คนอื่นฟัง: การสอนคนอื่นจะช่วยเสริมความเข้าใจของตัวเอง

   - ใช้เทคนิค Mind Mapping: สร้างแผนผังความคิดเพื่อเชื่อมโยงแนวคิดต่างๆ

.

4. ปัจจัยสำคัญอื่นๆ:

   - การนอนหลับเพียงพอ: สมองจะประมวลและจัดเก็บข้อมูลระหว่างการนอน

   - การออกกำลังกาย: ช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดไปสู่สมอง

   - โภชนาการที่ดี: อาหารที่มีประโยชน์ต่อสมอง เช่น ปลา ถั่ว ผักใบเขียว

.

ลองนึกภาพว่าสมองของคุณเป็นคอมพิวเตอร์สุดไฮเทค การศึกษาวิทยาศาสตร์สมองก็เหมือนการอ่านคู่มือการใช้งานที่จะช่วยให้คุณใช้งาน "ฮาร์ดแวร์" ของตัวเองได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ 💻

.

(และใช่ การนอนหลับช่วยให้สมองประมวลข้อมูลได้ดีขึ้นจริงๆ แต่การงีบในห้องเรียนอาจไม่ใช่ไอเดียที่ดีนัก)

.

-------------------------------------

.

8. ✍️ ฝึกทำแบบฝึกหัด: ทดสอบความเข้าใจ

.

การทำแบบฝึกหัดเหมือนการซ้อมรบก่อนออกสนามจริง ยิ่งซ้อมมาก ยิ่งพร้อมรบ! 🏋️‍♀️

.

แต่ถ้าคุณทำแบบฝึกหัดแล้วรู้สึกเหมือนกำลังแก้ปริศนาอียิปต์โบราณ นั่นแปลว่าคุณอาจจะต้องกลับไปทบทวนบทเรียนใหม่ (หรือไม่ก็เปลี่ยนไปเรียนโบราณคดีแทน) 🗿

.

--------------------------------------

.

9. 🚀 ประยุกต์ใช้ความรู้: เรียนเพื่อใช้งานจริง ไม่ใช่แค่สอบผ่าน

.

ลองคิดดูนะครับ ถ้าไอน์สไตน์แค่เรียนฟิสิกส์เพื่อสอบผ่าน เราคงไม่มีทฤษฎีสัมพัทธภาพให้ศึกษากันทุกวันนี้ 🧑‍🔬

.

หาวิธีนำความรู้ไปใช้ในชีวิตจริง เช่น ใช้ความรู้คณิตศาสตร์คำนวณว่าต้องกินบะหมี่กี่ซองถึงจะอิ่มท้องตลอดเดือน หรือใช้ความรู้จิตวิทยาวิเคราะห์ว่าทำไมเราถึงชอบดูคลิปแมวในยูทูปไม่เบื่อ 🐱

.

----------------------------------------

.

10. 💰 อย่าลืมจ่ายค่าเทอม

.

สุดท้ายนี้ อย่าลืมจ่ายค่าเทอมนะครับ! เพราะถ้าลืม คุณอาจจะได้เรียนรู้บทเรียนใหม่ เรื่อง "วิธีการเจรจาต่อรองกับฝ่ายการเงินของมหาวิทยาลัย" 💸

.

------------------------------------

.

[ สรุปส่งท้าย ]💪

.

เกรดอาจจะสำคัญ แต่ความรู้และประสบการณ์ที่คุณได้รับระหว่างทางสำคัญยิ่งกว่า อย่าลืมสนุกกับการเรียนรู้ และอย่าลืมหายใจด้วยนะครับ! 😄

.

ขอให้โชคดีกับการเรียนนะครับ! และจำไว้ว่า ถ้าคุณทำได้ คุณจะมีปริญญาสองใบ แต่ถ้าคุณทำไม่ได้... ก็ยังมีปริญญาตั้งแต่ 0ใบไปจนถึง 1 ใบให้ภูมิใจครับ! 🎓🎉

.

.

.

.

#SuccessStrategies

 บทความโดย Pond Apiwat Atichat เจ้าของเพจ SuccessStrategies

https://www.facebook.com/SuccessStrategiesOfficial

https://www.facebook.com/pond.atichat

Previous
Previous

25 จากหลายสิ่งที่ข้าพเจ้าได้เรียนรู้ในปีที่ผ่านๆมา

Next
Next

ผม (แอดมินเจ้าของเพจ Success Strategies) ทำงานอะไร? Apiwat’s Journal EP. 2