ปรัชญาญี่ปุ่น อิชิโงะอิชิเอะ (Ichigo Ichie): ทุกการพบเจอ เป็นครั้งเดียวในชีวิต
ปรัชญาญี่ปุ่น อิชิโงะอิชิเอะ (Ichigo Ichie): ทุกการพบเจอ เป็นครั้งเดียวในชีวิต
.
นึกภาพคุณกำลังนั่งดื่มกาแฟกับเพื่อนสนิท แต่ถ้ารู้ว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่คุณได้เจอกัน คุณจะทำอะไรต่างไปไหม? จะสั่งเมนูพิเศษไหม? จะบอกความในใจที่เก็บไว้นานหรือเปล่า? หรือจะถ่ายรูปเซลฟี่เก็บไว้เป็นที่ระลึก?
.
แต่ความจริงก็คือ เราไม่มีทางรู้หรอกว่าการพบกันครั้งไหนจะเป็นครั้งสุดท้าย การคุยโทรศัพท์ครั้งไหนจะเป็นบทสนทนาสุดท้าย หรือการกอดครั้งไหนจะเป็นการกอดครั้งสุดท้าย ชีวิตไม่ได้มีป้ายเตือนว่า "ระวัง! นี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายของคุณ" แปะไว้ให้เราเห็นชัดๆ
.
นี่คือแก่นของปรัชญาอิชิโงะอิชิเอะ (Ichigo Ichie) ที่แปลว่า "หนึ่งครั้ง หนึ่งพบ" ซึ่งสอนให้เราเห็นคุณค่าของทุกช่วงเวลา เพราะมันอาจเป็นครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายที่เราจะได้สัมผัสประสบการณ์นั้น
.
แต่ก่อนที่คุณจะเริ่มวิตกจริตกับทุกการกระทำ หรือกลายเป็นคนประสาทแตกที่พยายามทำให้ทุกวินาทีมีความหมาย มาทำความเข้าใจอิชิโงะฯ ให้ลึกซึ้งกว่านั้นกันดีกว่า
.
-----------------------
.
อิชิโงะฯ: ปรัชญาที่จะทำให้คุณเลิกเสียดายอดีต (และอนาคตที่ยังมาไม่ถึง)
.
ในขณะที่ฝรั่งชอบพูดว่า "You Only Live Once" หรือ YOLO ชาวญี่ปุ่นกลับมองว่าทุก "ช่วงเวลา" คือโอกาสเดียวที่จะไม่มีวันหวนกลับมาอีก ไม่ใช่แค่ "ชีวิต" เท่านั้น
.
อิชิโงะอิชิเอะมีรากฐานมาจากพิธีชงชาของญี่ปุ่น ที่ทุกขั้นตอนล้วนมีความหมายและความสำคัญ ตั้งแต่การเลือกถ้วยชา การต้มน้ำ ไปจนถึงการดื่ม ทุกอย่างล้วนทำด้วยสติและความใส่ใจ เพราะพิธีชงชาแต่ละครั้งจะไม่มีวันเหมือนกันอีก แม้จะใช้อุปกรณ์เดิม ชาเดิม คนเดิม แต่บรรยากาศ อารมณ์ และความรู้สึกย่อมแตกต่างกันไปในแต่ละครั้ง
.
แต่ก่อนที่คุณจะรีบวิ่งออกไปทำอะไรบ้าๆ บอๆ เพราะกลัวพลาดโอกาส (แบบที่คนเข้าใจ YOLO ผิดๆ) มาทำความเข้าใจอิชิโงะฯ ให้ถ่องแท้กันก่อน
.
อิชิโงะอิชิเอะไม่ได้หมายความว่าคุณต้องทำทุกอย่างวันนี้ เพราะพรุ่งนี้อาจไม่มีโอกาส แต่มันสอนให้เราใส่ใจกับปัจจุบันขณะ เห็นคุณค่าของทุกการกระทำ และทุกปฏิสัมพันธ์
.
ลองนึกถึงตอนที่คุณกินอาหารจานโปรดสิ ถ้าคุณรู้ว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้กิน คุณจะกินอย่างไร? คุณอาจจะเคี้ยวช้าลง สังเกตรสชาติทุกคำ ดมกลิ่นหอมๆ และซึมซับบรรยากาศรอบตัว นั่นแหละคือการใช้ชีวิตแบบอิชิโงะฯ
.
----------------------
.
ทำไมเราถึงมักพลาดโอกาสครั้งเดียวในชีวิต?
.
1. ความเคยชิน: เราทำอะไรซ้ำๆ จนลืมสังเกตความพิเศษของแต่ละวัน
เคยสังเกตไหมว่า เวลาย้ายบ้านใหม่ เราจะตื่นเต้นกับทุกอย่าง ตั้งแต่เสียงนกร้องยามเช้า กลิ่นอายของย่านใหม่ ไปจนถึงร้านกาแฟเจ้าประจำ แต่พอผ่านไปสักพัก ทุกอย่างก็กลายเป็นเรื่องธรรมดาไปซะงั้น นี่แหละคือพลังของความเคยชินที่ทำให้เราลืมเห็นความพิเศษของสิ่งรอบตัว
.
2. ติดกับดักอดีตและอนาคต: เสียดายสิ่งที่ผ่านไปแล้ว หรือกังวลกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึง
"โอ้ย ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ฉันจะ..." หรือ "เดี๋ยวถ้าได้เลื่อนตำแหน่ง ฉันจะ..." คุ้นๆ กับประโยคพวกนี้ไหม? นี่คือวิธีคิดที่ทำให้เราพลาดช่วงเวลาปัจจุบันไปอย่างน่าเสียดาย เพราะเราใช้เวลาส่วนใหญ่คร่ำครวญถึงอดีตหรือฝันถึงอนาคต จนลืมมีชีวิตอยู่กับปัจจุบัน
.
3. กลัวที่จะเสี่ยง: ไม่กล้าลองอะไรใหม่ๆ เพราะกลัวผิดพลาด
"ไว้ค่อยทำนะ" "ยังไม่พร้อม" "กลัวว่าจะทำพลาด" ประโยคเหล่านี้คือตัวการสำคัญที่ทำให้เราพลาดโอกาสดีๆ ในชีวิต เพราะความจริงก็คือ เราไม่มีทางรู้หรอกว่าเมื่อไหร่จะพร้อม หรือโอกาสแบบนี้จะมาอีกเมื่อไหร่
.
และถ้าชีวิตให้โอกาสครั้งเดียว แต่คุณไม่คว้าไว้ นั่นเท่ากับคุณให้โอกาสตัวเองศูนย์ครั้ง!
.
-------------------------
.
วิธีฝึกสังเกตและคว้าโอกาสครั้งเดียวในชีวิตแบบอิชิโงะฯ (แบบไม่ต้องกลายเป็นคนบ้า)
.
1. ฝึกสติ: อยู่กับปัจจุบัน แทนที่จะจมอยู่ในโลกโซเชียล
ลองนี่ไหม: ทุกครั้งที่กินข้าว ให้วางมือถือลง แล้วสังเกตรสชาติอาหารทุกคำ ดมกลิ่น สังเกตสีสัน และซึมซับบรรยากาศรอบตัว (แต่ถ้าอ่านบทความนี้ในโซเชียล ก็ไม่เป็นไรนะ เราให้อภัย )
.
2. เปิดใจรับสิ่งใหม่: ลองทำอะไรที่ไม่เคยทำ แม้จะดูน่าอายก็ตาม
ความท้าทาย: ทุกสัปดาห์ ลองทำอะไรใหม่ๆ สักอย่าง อาจเป็นเมนูอาหารแปลกๆ เส้นทางใหม่ไปทำงาน หรืองานอดิเรกที่ไม่เคยลอง แล้วสังเกตว่าคุณรู้สึกอย่างไร
.
3. เห็นความพิเศษในสิ่งธรรมดา: แม้แต่การดื่มกาแฟทุกเช้าก็เป็นโอกาสพิเศษได้
ลองดู: ทุกครั้งที่ทำกิจวัตรประจำวัน ให้หาอะไรใหม่ๆ ที่ไม่เคยสังเกตมาก่อน เช่น กลิ่นใหม่ๆ ในห้องน้ำ เสียงนกชนิดใหม่ หรือรอยยิ้มของคนแปลกหน้าที่เดินสวนกัน
.
4. กล้าเสี่ยง: ทำในสิ่งที่ใจอยากทำ ก่อนที่จะสายเกินไป
เริ่มจาก: เขียนลิสต์สิ่งที่อยากทำก่อนตาย แล้วเลือกสักอย่างที่ทำได้ภายในเดือนนี้ ลงมือทำเลย! อย่ารอให้ถึงวันที่ "พร้อม" เพราะวันนั้นอาจไม่มีจริง
.
5. ฝึกการ "จบ" อย่างสมบูรณ์: ไม่ว่าจะเป็นการสนทนา มื้ออาหาร หรือกิจกรรมใดๆ
วิธีฝึก: ทุกครั้งที่จะจากใคร ให้คิดว่านี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้เจอกัน แล้วบอกลาอย่างตั้งใจ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงาน ครอบครัว หรือแม้แต่แคชเชียร์ที่ร้านสะดวกซื้อ
.
------------------------
.
เมื่ออิชิโงะฯ เปลี่ยนชีวิตคน (ทั้งดีและร้าย)
.
- คุณA: ตัดสินใจลาออกจากงานประจำเพื่อเปิดร้านกาแฟในฝัน และประสบความสำเร็จ
.
คุณ A เคยเป็นพนักงานออฟฟิศธรรมดาที่ฝันอยากเปิดร้านกาแฟมานาน แต่ก็ไม่กล้าลาออกเพราะกลัวความไม่แน่นอน จนวันหนึ่งเขาได้ยินเรื่องอิชิโงะฯ และตระหนักว่าชีวิตนี้มีแค่ครั้งเดียว ถ้าไม่ทำตอนนี้ อาจไม่มีโอกาสอีกเลย เขาจึงรวบรวมความกล้า ลาออกจากงาน และเปิดร้านกาแฟเล็กๆ
.
แม้จะเจออุปสรรคมากมาย แต่ด้วยความตั้งใจและการใส่ใจในทุกรายละเอียด ตั้งแต่การคั่วเมล็ดกาแฟ ไปจนถึงการต้อนรับลูกค้า ทำให้ร้านของเขาค่อยๆ เป็นที่รู้จักและประสบความสำเร็จในที่สุด
.
- คุณB: ตีความอิชิโงะฯ ผิดๆ จนใช้เงินเกือบหมดตัวเที่ยวรอบโลกใน 80 วัน (แต่ก็ได้เรื่องเล่าสนุกๆ)
.
คุณ B เพิ่งเรียนจบและได้งานทำ เมื่อได้ยินเรื่องอิชิโงะฯ ก็ตีความว่าต้องรีบใช้ชีวิตให้คุ้มที่สุด เขาจึงตัดสินใจลาออกจากงาน ถอนเงินเก็บทั้งหมด แล้วออกเดินทางรอบโลกแบบสุดเหวี่ยง
.
แม้จะได้ประสบการณ์มากมาย ทั้งการนอนในทะเลทรายซาฮารา ดำน้ำที่เกรทแบริเออร์รีฟ และปีนภูเขาในเนปาล แต่เมื่อกลับมา คุณ B ก็ต้องเผชิญกับความจริงที่ว่าเขาไม่มีเงินเหลือและต้องเริ่มต้นชีวิตใหม่จากศูนย์
.
แม้จะยากลำบาก แต่เขาก็ไม่เสียใจกับการตัดสินใจครั้งนั้น เพราะได้เรื่องเล่าและประสบการณ์ที่คนอื่นไม่มี (แถมยังได้ยอดวิวในติ๊กต็อกเยอะด้วย)
.
บทเรียน: อิชิโงะฯ ไม่ได้สอนให้เราทำอะไรบ้าบิ่น แต่สอนให้เราใส่ใจกับทุกการตัดสินใจ เพราะมันอาจเป็นโอกาสครั้งเดียวจริงๆ
.
----------------------
.
อิชิโงะฯ ในยุคดิจิทัล: เมื่อทุกอย่างถูกบันทึกไว้ตลอดกาล (แต่ไม่มีใครสนใจจริงๆ)
.
ในยุคที่เราถ่ายรูปทุกมื้ออาหาร เช็คอินทุกที่ และไลฟ์สดทุกกิจกรรม เรากำลังขัดกับหลักอิชิโงะฯ หรือเปล่า?
.
คำตอบคือ: มันขึ้นอยู่กับว่าเราใช้เทคโนโลยีอย่างไร
- ถ้าคุณถ่ายรูปเพื่อโพสต์อวด ผิดหลักอิชิโงะฯ
- ถ้าคุณถ่ายรูปเพื่อเก็บความทรงจำ ถูกหลักอิชิโงะฯ
.
ลองนึกภาพคอนเสิร์ตครั้งสุดท้ายของวงดนตรีที่คุณชอบ คุณจะเลือกยกมือถือขึ้นถ่ายคลิปตลอดทั้งคอนเสิร์ต หรือจะเก็บมือถือแล้วดื่มด่ำกับเสียงดนตรีและบรรยากาศ? อิชิโงะฯ บอกว่าตัวเลือกที่สองคือคำตอบที่ถูกต้อง
.
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเราต้องทิ้งเทคโนโลยีไปเสียทีเดียว เราสามารถใช้มันเป็นเครื่องมือในการฝึกอิชิโงะฯ ได้เช่นกัน เช่น:
- ใช้แอพเตือนให้หยุดและมีสติ
- ถ่ายภาพสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่สวยงามในชีวิตประจำวัน
- ใช้โซเชียลเพื่อแบ่งปันประสบการณ์และสร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่น
.
สุดท้ายแล้ว ถ้าคุณต้องเลือกระหว่างการมีชีวิตที่น่าจดจำ กับการมีภาพถ่ายสวยๆ ในโซเชียล คุณจะเลือกอะไร?
.
-------------------
.
ชีวิตคือการแสดงสด ไม่มีรอบซ้อมและไม่มีรอบหน้า
.
สิ่งสำคัญคือการ "รู้ตัว" ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ และทำด้วยความตั้งใจ ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน พักผ่อน หรือแม้แต่การนั่งเฉยๆ ก็ตาม
.
ลองนึกถึงนักแสดงละครเวที พวกเขาต้องแสดงอย่างเต็มที่ในทุกรอบ เพราะรู้ว่าผู้ชมแต่ละคนจะได้ดูแค่รอบเดียว แต่พวกเขาก็ไม่ได้กดดันตัวเองจนเครียด พวกเขาแค่ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดีที่สุดในแต่ละวินาที
.
ชีวิตก็เช่นกัน เราไม่มีรอบซ้อม ไม่มีรอบหน้า มีแค่ "ตอนนี้" เท่านั้น ดังนั้น จงใช้มันอย่างคุ้มค่าที่สุด
.
และจำไว้ ถ้าคุณพลาดโอกาสครั้งเดียวในชีวิตไป อย่างน้อยคุณก็ยังมีโอกาสอีกครั้งในชีวิตที่จะเสียใจอย่างสุดซึ้ง แต่อย่าทำแบบนั้นเลย เริ่มใช้ชีวิตแบบอิชิโงะฯ ตั้งแต่วันนี้ดีกว่า!
.
.
.
.
#SuccessStrategies #Ichigoichie
บทความโดย Pond Apiwat Atichat เจ้าของเพจ SuccessStrategies
.